tag:blogger.com,1999:blog-58400452922735874532024-02-20T03:11:15.497-08:00All about vichakan....Rapeepathttp://www.blogger.com/profile/18284684588248967802noreply@blogger.comBlogger10125tag:blogger.com,1999:blog-5840045292273587453.post-54769748897519384392007-11-21T09:55:00.001-08:002007-11-21T09:55:58.531-08:00วันแรกของโครงการใหญ่หายไปนาน... มาเล่าต่อดีกว่า... ่ช่วงที่ผ่านมาชีวิตวุ่นวาย... จริงๆ...<br /><br />วันแรกของโครงการใหญ่... <br /><br />เช้าวันแรกของโครงการใหญ่ก็ทำเอาวุ่นวายซะแล้ว... ก็น้องตั้งเกือบพันคน (ปีนั้นมีไม่ถึงพัน แต่ค่อยๆ ทยอยมาเพิ่ม จนได้ราวๆ พันหนึ่งร้อย) ทั้งแจกหนังสือ ทำป้ายชื่อ แบ่งห้อง ฯลฯ เล่นเอา พวกเราที่ไม่เคยทำโครงการเล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน ... <br /><br />วันแรก... พี่คิดว่าคงทำงานแบบชิลๆ ... เพราะว่าตัวเองไม่มีสอนไง กะจะเก็บบรรยากาศ ช่วยเหลืองานอื่นๆ ให้พอคุ้นเคยก่อน... ปรากฏว่าทำไม่ได้ซะแล้ว...<br /><br />"โบ๊ต... พี่บิ๊กบอกว่าจะมาสายซักครึ่งชั่วโมงอ่ะ... สอนแทนไปก่อนได้ป่าว" <br /><br />เอาล่ะจุ้ย.... ปัญหาแรกที่ไม่เคยเจอตอนออนทัวร์... จะให้คนอื่นแทนก็ไม่ได้ เพราะมือเก๋าๆ เรื่องเลขลงสอนวันแรกกันหมด เหลือพี่อยู่คนเดียว เพราะไม่เคยสอนโครงการใหญ่กับเค้ามาก่อน... <br /><br />น้องครับ... ถ้าน้องไม่เคยสอนโครงการใหญ่มาก่อน... น้องจะไม่รู้เลยว่าความรู้สึกตื่นเต้นตอนสอนที่แท้จริงนั้นมันเป็นยังไง... <br /><br />สำหรับตัวพี่เอง พี่คิดว่า ตัวพี่มีประสบการณ์สอนมาพอสมควร จนไม่คิดว่าจะตื่นสนาม.. .ตื่นกระดาน... อีกต่อไป...อีกทั้ง เรื่องที่จะสอน ก็เป็นเรื่องที่พี่ค่อนข้างถนัดมาก่อน (แต่ไม่เคยสอน) ก็คือเรื่อง.. การเรียงสับเปลี่ยน... ก็เลยต้องคว้าแผ่นใส ปากกา เดินออกไปขัดตาทัพ ณ บัดเดี๋ยวนั้น... <br /><br />น้องครับ... (อีกที) ... ถ้าน้องไม่เคยสอนโครงการใหญ่มาก่อน... น้องจะไม่รู้ว่า ... เวลาที่เราเดินเข้ามาในห้อง... เสียงเซ็งแซ่ที่พูดคุยกันเงียบกริบลงในทันใด... และสายตาเกือบสามร้อยคู่จ้องมองเราเป็นจุดเดียว.... น้องจะรู้สึกยังไง.. <br /><br />สำหรับพี่... โค-ตะ-ระ สั่น... เลย... พูดไม่ถูกแม้แต่จะทำลายความเงียบด้วยเสียงหัวเราะอย่างที่เคยถนัด... จับไมค์ขึ้นมาจ่อปาก.. สิ่งที่สัมผัสได้ก็คือ.. มือเริ่มสั่นเบาๆ และรู้สึกว่าเหงื่อชื้น ทั้งๆ ที่แอร์ใน ศร.3 นี่ หนาวอย่างแรง... <br /><br />แนะนำตัวโดยอัตโนมัติ... แล้วเริ่มบทเรียน... ไม่มีเวลาคิดมุข เพราะต้องคิดล่วงหน้าไปสองสามช็อตว่าจะสอนอะไรต่อ... <br /><br />ในความไม่มั่นใจนั้น... ปฏิกิริยาแรกที่ควบคุมไม่ได้คือ... ไม่สบตาน้องๆ ... เพราะมัวแต่มองแผ่นใสที่ตัวเองเขียน... แน่นอนว่าผลลัพธ์ต่อมาคือพี่ไม่สามารถดึงความสนใจน้องๆ ได้อย่างที่เคย ... และรู้สึกได้ด้วยสัญชาติญาณของคนสอน ว่าแต่ละประโยคที่พี่พูดออกไป... ไปถึงน้องได้ไม่กี่เปอร์เซ็นต์... <br /><br />แก้สถานการณ์ด้วยการยิงมุก... ปรากฎว่าแป้กสนิท... ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายเข้าไปใหญ่... <br /><br />เป็นบทเรียนบทแรกของพี่ ที่พี่ได้จากโครงการใหญ่... และบทเรียนนี้พี่จะจำไปจนวันตาย... <br /><br />"อย่าสอนโดยไม่เตรียมตัว" <br /><br />... อย่างน้อย ก็ต้องมีโครงร่างคร่าวๆ ในหัว ... มีแผนที่รางๆ ว่าจะคลำไปทางไหน... ก็ยังดี... <br /><br />โชคดี ที่พี่บิ๊กมาสายไปแค่สิบห้านาที... เข้ามาช่วยในเวลาที่พี่กำลังจะตายคาแผ่นใสอยู่รอมร่อ... และพอพี่เดินคล้อยหลังมา... ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นจากในห้อง จากที่เงียบกริบมาสิบห้านาที... ซึมไปซักพัก ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ดีจริงๆ ที่ได้เจอประสบการณ์แบบนี้ก่อน เพราะถ้าเป็นคาบของพี่จริงๆ ... ไม่มีใครมาช่วยแล้วนะ... ถ้าตื่นเต้น ต้องคุมสถานการณ์เอง... <br /><br />และเหตุการณ์ในวันนั้น ก็ทำให้พี่ได้รู้จุดอ่อนของตัวเองเวลาสอนแผ่นใส... ทำให้พี่กลับมาเทรนตัวเอง เตรียมตัวใหม่ แก้ไขใหม่ เขียนสไลด์ใหม่... วางโครงการสอนใหม่... ให้เข้ากับนักเรียนเกือบสามร้อยคนในห้อง... <br /><br />ขอบคุณเหตุการณ์ในวันนั้นจริงๆ ครับ... บทนี้ก็ต้องขอจบลงด้วยประโยคที่ว่า...<br /><br />... Mistake causes Improvement ...Rapeepathttp://www.blogger.com/profile/18284684588248967802noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5840045292273587453.post-32708804779610307582007-06-11T09:02:00.000-07:002007-06-11T09:02:04.959-07:00ก่อนวันเปิดโครงการ<div style="float:right;margin:5px"><br /><script>zickr_url='http://vichakantrail.blogspot.com/2007/06/blog-post.html'</script><br /><script language="javascript" src="http://api.zickr.com/button.js"></script><br /></div><br />ถ้าใครได้เคยทำโครงการใหญ่ จะรู้ว่าก่อนโครงการใหญ่เนี่ย วุ่นวายสุดๆ ... เพราะมีเรื่องโน่นเรื่องนี้ให้เตรียมเยอะแยะมากมาย เตรียมยังไงก็ไม่หมด ตั้งแต่เปิดโรงงานนรก ส่งจดหมายไปตามโรงเรียน โทรตามนักเรียน จัดบัตร ลงทะเบียน คัดเลือก ไปจนกระทั่งประสานทำเรื่องของบ และตึกที่จะใช้เรียน...<br /><br />ปีนั้น... มีไปติดต่อคลื่นวิทยุเพื่อการศึกษา ให้ออกโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วย... เป็นวิธีที่เนียนที่สุดแล้วในตอนนั้น ถ้าเป็นสมัยนี้คงบอกว่า เอาท์ไปนานแล้วเพ่ ออกโฆษณาทางวิทยุเนี่ย...<br /><br />แต่มันก็ได้ผล... เพราะเราไม่ได้หวังให้นักเรียนฟัง แต่หวังให้อาจารย์หรือผุ้ปกครองฟัง แล้วกระจายข่าวต่อๆ ไปถึงน้องๆ ...<br /><br />เรามาว่ากันในมุมมองของการสอนกันดีกว่า... ขืนเล่ามันทุกมุม เล่าจนพรุ่งนี้ก็ไม่หมด<br /><br />ทางด้านการสอนก็ต้องเตรียมตัวกันหนักหน่วงเหมือนกัน ... ปัญหาหลักๆ ที่ต้องเจออยู่ตลอดเวลาก็คือเรื่องของการเปลี่ยนตารางสอน...<br /><br />ด้วยความที่ว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมาของพี่ทั้งสองครั้งเป็นการไปออนทัวร์ต่างจังหวัด จะมีคนขาดคนชิ่งกี่คนมันเห็นกันได้ชัดๆ อยู่แล้ว ทำให้มีเวลาเตรียมตัวรับมือได้ทัน... จะสลับตัวกลับผลัดไหนไปกลับยังไง สามารถโยกย้ายได้ไม่ยาก แต่ว่า คราวนี้อยู่ในกรุงเทพฯ ยิ่งใกล้ชีวิตปกติประจำวันมากเท่าไหร่ ปัญหาส่วนตัวก็ตามมามากขึ้นเป็นเงาตามตัวเท่านั้น<br /><br />บางคนขอสอนเฉพาะเช้า บางคนขอสอนตอนบ่าย มีบ้างขอเปลีี่ยนวัน เปลี่ยนบทสอน ติดธุระบ้าง... นี่ยังไม่นับปัญหามาเข้าสอนคาบเช้าตอนแปดโมงไม่ทันตอนเปิดโครงการแล้ว...<br /><br />คนต้องรับหน้าที่จัดการเรื่องนี้ก็คือการสอนโดยตรง... ด้วยว่า สามวิชา สิบหกวัน สี่ห้อง ต้องให้จบทุกบทมันเป็นตารางที่ไม่มีที่ให้ดิ้นอยู่แล้ว แค่เปลี่ยนตารางกันเล็กๆ น้อยๆ นี่มันก็กระเทือนไปถึงภาพรวมแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประมาณเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว...<br /><br />พี่กับพี่เลอ... ก็ต้องจัดการให้ภาพรวมมันออกมาได้แบบชิลๆ ติดต่อคนโน้นคนนี้ ขอโทษขอโพยแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น ... เซอร์วิสมายด์สำคัญจริงๆ กับการทำหน้าที่นี้<br /><br />เพิ่งรู้กับตัวเองว่า... งานออร์แกไนซ์มันยากแบบนี้นี่เอง...<br /><br />บางครั้งที่ต่อให้ตีลังกาคิดยังไงก็หาทางไปไม่ได้กับการแก้ตารางแบบที่คนสอนเค้า request มา ก็จำเป็นต้องใช้ท่าไม้่ตาย วิชาเดียวแบ่งสอนกันสองคน รับไปคนละสองห้อง ... ถึงไม่ค่อยอยากจะให้มีแบบนี้นัก เพราะน้องๆ อาจเกิดการเปรียบเทียบขึ้นว่า ... อยากเรียนกับคนโน้นคนนี้แทน... แต่บางครั้งก็จำเป็น<br /><br />พี่กับพี่เลอ พยายามแก้ปัญหากันเองก่อนที่จะปรึกษาพี่เพียวกับพี่มิติ เพราะตอนนั้นเห็นพี่สองคนวุ่นวายกับงานในภาคมาก... แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมาประชุมแทบทุกครั้ง...<br /><br />อีกเรื่องหนึ่งที่วุ่นวายไม่แพ้กัน... (แต่พี่ชอบกว่ามากกก) คือเรื่องของการเทรนการสอน.... ที่พี่ต้องนัดน้องๆ ทุกคนเข้าเทรนกันเต็มเหนี่ยว.... กว่าทุกครั้ง.... เพราะโครงการใหญ่ มีรายละเอียดที่ต้องเก็บเหนือกว่าออนทัวร์มาก การดึงน้องๆ 300 คนให้อยู่กับเราตลอดสองชั่วโมงครึ่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย...<br /><br />แต่ก็ไม่หนักหนา... เพราะตอนนั้นพี่มีทั้ง พี่ พี่เลอ พี่แจ๊ค ที่เทรนได้ทั้งฟิสิกส์และเลข มีพี่ตี๋ที่เทรนเคมีให้ได้... แต่โดยมากแล้ว เคมีต้องปล่อยให้ไปถึงมือพี่เพียว... เพราะไม่มีใครแ็ข็งเคมีระดับเทพซักคนในรุ่นพี่...<br /><br />ต้องปล่อยมาถึงรุ่นต่อไป กว่าจะมีเทพเคมีมาอีกครั้งอย่างพี่ต่อ พี่ผึ้ง พี่ติง .... (ลองถามพี่ไผ่ดูได้ว่า เทรนกับพี่ๆ ชุดที่ว่านี้เป็นยังไง ^__^)<br /><br />ตอนนี้ตามน้ำซะเยอะ...รอต่อตอนหน้านะครับ เริ่มโครงการกันดีกว่า...<br /><br />ี่Rapeepathttp://www.blogger.com/profile/18284684588248967802noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5840045292273587453.post-24216851201432881462007-05-23T05:14:00.001-07:002007-05-23T05:14:43.579-07:00สอนด้วยกระดานหรือแผ่นใส...วันนี้จะมาว่ากันเรื่อง... กระดานหรือแผ่นใสดี...<br /><br />น้องๆ หลายคน เคยชินกับการเขียนกระดานสอนมากกว่า (พี่ด้วย) เพราะว่า การใช้กระดานนั้นสามารถควมคุมการสอนได้ง่ายกว่าการใช้แผ่นใส เยอะ...<br /><br />พอพูดถึงการใช้แผ่นใส เราก็มักจะพาลคิดถึงคำว่า "ปิ้ง" แผ่นใส ก่อนอื่นเลย ประมาณว่า เอาแผ่นใสขึ้นมาพลิกๆ อธิบายให้นักเรียนดู ... ซึ่งตามสถิติแล้ว Probability ที่ นร.จะหลับคาแผ่นใส มากกว่าการสอนด้วยกระดานหลายช่วงตัว...<br /><br />แต่ในบางกรณี เราก็หลีกเลี่ยงที่จะใช้แผ่นใสไม่ได้เช่นกัน ตัวอย่างง่ายๆ ก็โครงการใหญ่นี่แหละ สอนทีนึง 300 คน จะให้เขียนกระดานก็คงจะกระไรอยู่....<br /><br />อย่ากระนั้นเลย... เรามาฝึกให้ชำนาญทั้งสองอย่างดีกว่า... จะได้ไม่เป็นปัญหา...<br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(0, 102, 0);">การสอนด้วยกระดาน</span><br /><br />เริ่มจากกระดานก่อน... กระดาน มีข้อดีอันยิ่งใหญ่คือ น้องๆ สามารถตามเนื้อหาการเขียนของเราได้ไปพร้อมๆ กับที่เค้าไม่ต้องละความสนใจไปจากคนสอน... ด้วยเหตุนี้ ใช้กระดานเลยสามารถออก Acting ได้ง่าย แต่ข้อเสียใหญ่หลวงก็มีคือ สอนได้ช้า เพราะต้องเขียนใหม่หมดล้วนๆ ไม่เหมาะกับวิชาที่ต้องเขียนเนื้อหาเยอะๆ อย่างเช่น เคมี ชีวะ<br /><br />หลักในการใช้กระดานใหญ่ๆ ก็มีดังต่อไปนี้...<br /><ul><li>จำใส่ใจไว้ว่า ให้ใ้ช้กระดานเสมือนหนึ่ง Lecture ของน้องๆ ... คือ น้องๆ สามารถจดตามได้เลยแบบ เป๊ะๆ จะดีมาก บางคนที่สอนแรกๆ (พี่ด้วย) มักจะใช้กระดานเป็นกระดาษทด ลบโน่น ลบนี่ โยงไปมามั่วไปหมด<br /></li><li>เขียนจากบนลงล่าง ซ้ายไปขวา อย่าย้อนกลับ อย่ากระโดด อย่าลบไปลบมา(โดยไม่จำเป็น) ... เราสอนน้องๆ 300 คน อาจจะตามเราทันซักครึ่งนึง อีกครึ่งกะลัง งง ถ้าเราลบทิ้งโดดไปโดดมา เหมือนกับว่า ไม่ทิ้งแผนที่ไว้ให้อีกครึ่งนึงให้มีโอกาสตามเรามาทันเลย... เค้าจะหลุดไป และไม่เข้าใจในที่สุด</li><li>แบ่งกระดานเสมอๆ กันเนื้อหาปนกัน</li><li>เวลาเขียน "ห้าม" บังที่เขียนเด็ดขาด หันหลังเข้าหากระดาน พูดกับกระดานเมื่อไหร่ ความสนใจน้องๆ หายไปเมื่อนั้น</li><li>เขียนให้อ่านง่ายๆ ตัวใหญ่พอที่แถวหลังสุดจะเห็นได้ชัด ลายมือไม่สวยช่างมัน เราไม่ได้แข่งคัดลายมือ</li><li>ใช้สีสลับกันตามความหมายที่ต้องการจะสื่อ เช่น ปกติสีดำ วาดรูปสีน้ำเงิน โยง.เน้น สีแดง note สีเขียว เป็นต้น อย่าใช้สีเดียวกันทั้งกระดานนะ<br /></li></ul>นี่ว่ากันตามสมัยใหม่ คือใช้ Whiteboard ถ้าเป็นเมื่อก่อนใช้ชอล์ก ต้องมีวิธีการเขียนและเทคนิคการลบกระดานยังไงไม่ให้ชอล์กปลิวเข้าหน้าน้องๆ ด้วย<br /><br /><span style="color: rgb(0, 102, 0); font-weight: bold;">ว่ากันด้วยแผ่นใ่ส</span><br /><br />การใช้แผ่นใส ยากกว่าการใช้กระดานพอสมควร สำหรับพี่นะ เพราะว่ามันดึงความสนใจน้องๆ ได้ยากกว่า แล้วก็การที่เราต้องยืนอยู่ที่เดิมตลอดเนี่ย มันดูน่าเบื่อเหมือนกัน ... แต่ก็ได้มาซึ่ีงความสะดวกง่ายดายในการ follow เนื้อหา และไม่เป็นอุปสรรคต่อขนาดตัวอักษร อย่าง ศร. 3 เนี่ย อย่าใช้กระดานเลยครับน้องๆ เขียน 2 บรรทัดก็เต็มแล้ว...<br /><br />หลักการใช้แผ่นใสสอนก็มีดังต่อไปนี้<br /><ul><li>ก่อนเริ่มสอน หันหลังมองจอด้วย... ว่า ภาพโอเคหรือยัง มีอะไรตกขอบมั้ย<br /></li><li>"อย่า" ปิ้งแผ่นใสโดยเด็ดขาด คือ เวลาเขียนแผ่นใสแล้ว จะเอาแผ่นใหม่เข้ามา อย่าดึงแผ่นเก่าออกทันที ให้ค่อยๆ เลื่อนแผ่นเก่าขึ้น เอาแผ่นใหม่ต่อท้าย แล้วจะดึงออก ให้ถามน้องๆ ทุกครั้งว่า เอาออกได้รึยัง</li><li>สอนกระดาน... อย่ามองกระดานเวลาพูด... ใช้แผ่นใส "อย่า" มองแผ่นใสมากนัก มองหน้าน้องๆ เป็นหลักเวลาพูด (สัญชาตญาณคนเราจะมองที่มือเวลาเขียนหนังสือ)<br /></li><li>ระวังมุมการยืน การเขียน เงาของคนสอนอาจจะกำลังบังภาพบนจอก็ได้</li><li>ระวังอย่าให้แผ่นใสเลื่อน หรือเอียง<br /></li><li>ใช้ปากกาหลากสีสัน เพื่อเน้นความสนใจ (บางคนหัวศิลป์ วาดรูปเตรียมไว้ก็โอเค)</li><li>เขียนหน้าไว้ที่แผ่นใสทุกครั้งให้เคยชิน เผื่อเวลากลับมาดูใหม่จะได้เรียงถูก</li><li>ล้างแผ่นใสด้วย เน้อ... อ้อ อย่าเปิดปากกาทิ้งไว้ล่ะ ปากกาที่โดนเปิดทิ้งไว้ข้าง overhead เนี่ย แห้งเร็วมาก<br /></li></ul>นอกจากนี้ เทคนิคการใช้แผ่นใสสอน มีทั้งหมด 3 แบบใหญ่ๆ ด้วยกัน ตามนี้<br /><br /><span style="font-style: italic;">แบบแรก</span>... ใช้แผ่นใสเหมือนกระดานเด๊ะ คือไม่เตรียมอะไรมาเลย เอาแผ่นใสเปล่าๆ มาโซโล่กันตอนสอน... อืม... ก็สะดวกดี<br /><br /><span style="font-style: italic;">แบบที่สอง</span>... เตรียมเนื้อหามาเรียบร้อย แล้วเว้นที่ไว้เป็นช่วงๆ ถึงเวลาสอนจริง ให้เอาแผ่นใสเปล่าอีกแผ่นมาซ้อน แล้วเขียนที่แผ่นบน พอไปห้องใหม่ ก็เอาแผ่นบนออก ... แบบนี้จะดูดีกว่า Follow เนื้อหาได้ง่าย ไม่หลุด script แต่จะลำบากเวลาซ้อนไปซ้อนมานิดนึง<br /><br /><span style="font-style: italic;">แบบที่สาม</span>... เตรียมเนื้อหามาเหมือนกัน แต่เขียนด้วย "Permanent" หรือไม่ก็ Xerox ใ่ส่ไปเลย (แต่ Xerox ใส่เนี่ย ลบไม่ได้นะ) คราวนี้เวลาสอนก็ใช้ปากกาธรรมดา พอสอนเสร็จก็ล้างน้ำ แล้วเอามาใช้ใหม่ พอสอนครบทุกคาบ ก็เอา Alcohol เช็ดออก<br /><br />แล้วแต่ชอบ นะครับ ส่วนพี่ ชอบวิธีที่สองที่สุด คือ ขี้เกียจล้างระหว่างคาบ ว่างั้น...Rapeepathttp://www.blogger.com/profile/18284684588248967802noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5840045292273587453.post-17866012584084281772007-05-16T20:28:00.000-07:002007-05-16T20:28:09.488-07:00หน้าที่ของ "การสอน"มาต่อเรื่องการทำงานเตรียมโครงการใหญ่กัน...<br /><br />วันนี้... จะขอเล่าให้ฟังในมุมมองของ "การสอน" ส่วนมุมมองอื่นๆ เดี๋ยวให้เจ้าของตำแหน่งเค้าเล่ากันเองละกัน<br /><br />พอได้รับตำแหน่ง "การสอน" ปุ๊บ... ก็ต้องเริ่มงานทันที หน้าที่หลักๆ ของการสอนก็คือรับผิดชอบประสานงานทุกอย่างเกี่ยวกับการสอน ตั้งแต่จัดตารางเรียนตลอดโครงการ ระบุคนรับผิดชอบแต่ละวิชา รวมไปถึงการรักษามาตรฐานในการสอนของทุกคนในชุมนุม.... ซึ่งหัวใจของการรักษาคุณภาพการสอนก็คือการ "เทรนการสอน" นั่นเอง<br /><br />เริ่มต้นเรื่อง... ก็ต้องร่วมมือทำงานกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ คือการออกตระเวนไปตามห้องเรียนต่างๆ (ปี 1) เพื่อโฆษณาหาน้องทีมงานใหม่ๆ มาเป็นกำลังในการสอน<br /><br />ในขณะเดียวกัน ก็ต้องประสานงานกับฝ่ายตำรา คือพี่เต้ เพื่อจะทำหนังสือที่จะใช้สอนน้องๆ ในโครงการใหญ่... ต้องรีบทำแล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวไม่เสร็จ...<br /><br />ตอนนั้น ยังไม่มีการจัดการไฟล์ที่ดีเท่าที่ควร ต้องพิมพ์ใหม่บ้าง เรียบเรียงใหม่บ้าง โดยให้คนที่สอนในแต่ละบทๆ รับผิดชอบกันไป... เรื่องไหนเป็นน้องเด็ก หรือยังหาคนสอนไม่ไ้ด้ ก็ต้องช่วยๆ กันทำไปก่อน... ตอนนั้นจำได้ว่าเรามี The Nation เป็น sponsor ให้ ... เรื่องค่าพิมพ์หนังสือเป็นอันหมดห่วง<br /><br />แต่ก็ต้องไปตรวจ proof ถึง Nation.... นั่ง TAXI ไปกะพี่เต้สองคนจากเกษตรถึงบางนา อ่านกันเกือบตาย...<br /><br />วิ่งเข้าวิ่งออกวิชาการเกือบทุกวัน เพราะงานนี้เกี่ยวข้องกับคน ซึ่งมีเรื่องให้ปวดหัวได้ตลอดเวลา... ซึ่งคนคอยแบ๊กอัพให้ก็ไม่พ้นพี่เพียวและพี่มิติ...<br /><br />งานแรก พี่เพียวให้มาวางตารางการสอน ว่า วิชาไหนสอนตอนไหน... โดยไม่ได้ให้ตารางปีก่อนๆ มาดู... คือให้คิดเองว่างั้น... เงื่อนไขก็คือให้หนึ่งคนสอนจบในสองวัน...<br /><br />วางกับพี่เลอสองคน... ตารางออกมาเรียบร้อย... โดนเจ๊เพียวอัดไปหนึ่งดอก ค่าที่ว่า มีบางคน(หลายคน) ต้องสอนแบบ ทั้งวัน คือ สามคาบติด แล้ว อีกวันนึงสอนคาบเดียว... ไม่ balance .... แล้วก็สำทับว่า การสอน... ต้องใส่ใจคนสอนให้มากที่สุด เพื่อที่ว่า ประสิทธิภาพการสอนจะได้ออกมาดีที่สุดเช่นกัน<br /><br />ว่าแล้วก็จัดตารางซะใหม่... ให้แต่ละคนสอนวันละสองคาบ สองวัน สี่ห้อง... ลงตัวกันแบบพอดีๆ...<br /><br />ถึงอย่างนั้น... ก็มีคนมาเปลี่ยนแปลง แก้ไข ขอย้าย ฯลฯ กันให้วุ่นไปหมดตลอดโครงการ ก็เป็นหน้าที่เราที่จะต้องประสานงาน... แก้ไขตารางกันให้ลงตัวแบบชิลๆ (แต่ไอ้คนแก้เนี่ย ไม่ชิลด้วยนา ... )<br /><br />เพิ่งเจอปัญหาแบบนี้เป็นครั้งแรก... เพราะสองครั้งที่ผ่านมาเป็นออนทัวร์ ซึ่งยังไงก็ตามทุกคนต้องไปรวมตัวกันอยู่แล้ว จะหนีจะเบี้ยว ไม่ได้ทั้งนั้น (ยังกะสถานกักกัน)<br /><br />อีกเรื่องหนึ่งที่พี่ต้องเรียนรู้อย่างแรง ก็คือ การสอนด้วย "แผ่นใส" ... ส่วนตัวแล้ว พี่ชอบสอนด้วยกระดานมากกว่า เพราะสามารถออก Acting ได้เต็มที่กว่า... ไม่น่าเบื่อ ยิ่งไปกว่านั้น น้องๆ สามารถที่จะมองสิ่งที่เราเขียนได้โดยที่ไม่ต้องละความสนใจไปจากคนสอน...<br /><br />แต่ยังไงๆ ก็ต้องเปลี่ยนไปใช้แผ่นใสว่ะ นึกสภาพ ศร.3 แล้ว... มีน้องๆ นั่งอยู่เกือบสามร้อย ถ้าเขียนกระดาน คนนั่งแถวหลังคงต้องใช้กล้องส่องทางไกล... คือนึกถึงหัวอกตัวเองตอนนั่งเรียนแล้วก็ตัดสินใจได้ไม่ยาก<br /><br />เอาวะ แผ่นใสก็แผ่นใส....<br /><br />ตอนหน้า จะมาเล่าเรื่องพื้นฐานการสอน ทั้งกระดานและแผ่นใสให้ฟังกัน....Rapeepathttp://www.blogger.com/profile/18284684588248967802noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5840045292273587453.post-34399772195478198432007-05-08T23:44:00.000-07:002007-05-09T02:03:53.938-07:00เริ่มทำงานกันเป็นทีม...หลังจากกลับมาจากสิงห์บุรี.... ก็ได้รู้มาว่า เพื่อนๆ ที่สอนต่อ (พี่กลับมาก่อน) เค้าได้กินปลาเผากันอิ่มหนำ อร่อยมากๆ T_T อยากร้องไห้.... อิจฉาหง่ะ<br /><br />ด้วยว่า ชุมนุมวิชากาารของเราไม่มีเวลาว่างให้หายใจกันเลย... พอเปิดเทอมปุ๊บ ประชุมสรุปโครงการที่สิงห์บุรีกันจบ ... ก็ถึงเวลาของโครงการใหญ่ จำได้ว่าเป็น วิศวบริการ ครั้งที่ 12<br /><br />โครงการใหญ่ อย่างที่รู้ๆ กันดี ก็คือ การจัดติวน้องๆ ม.ปลาย ที่เกษตร นี่แหละ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเอ็นทรานซ์ ที่ทีมทำงานปีก่อนไม่ได้จัดเพราะว่ากำลังเสียศูนย์อยู่กับการเปลี่ยนแปลงระบบเอ็นทรานซ์มาเป็นระบบใหม่ ที่มีการสอบสองรอบ เลยทำตัวไม่ถูกว่า จะติวน้อง ม.6 ยังไงดี<br /><br />คราวนี้... คุยกันว่า จะเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายมาเป็น น้อง ม.5 ที่กำลังจะขึ้น ม.6 แทน... เรื่องทุกอย่างก็เลยไปได้สวย<br /><br />วางเข็มทิศเรียบร้อย เหลือแต่ทีมงานใหม่ที่จะต้องถูกวางตัวขึ้นมารับหน้าที่นี้ ซึ่งจะต้องตกเป็นของปีสองที่กำลังเรียนเทอมสองอยู่ ก็ืคือรุ่นพี่น่ะเอง... ส่วนปีทำงานเดิม ก็เลื่อนขั้นเป็นที่ปรึกษา เป็นคนคอยแบ็กอัพในปัญหาต่างๆ ที่เหลือบ่ากว่าแรง<br /><br />การฟอร์มทีม... เริ่มจากการเลือกประธาน แล้วก็รองประธานก่อน แล้วนอกนั้น ค่อยว่ากันทีหลัง เอาง่ายๆ แบบนี้แหละ... ด้วยเหตุผลที่ว่า การทำงานเป็นทีม คนที่จะมาร่วมงานกันนั้นต้องเข้าขากัน และเหมาะกับตำแหน่งที่ได้รับเืพื่อให้โครงการไปรอด<br /><br />เวลาเลือกตั้ง... เค้าจะให้ผู้ที่ถูกเสนอชื่อออกมาหาเสียงสั้นๆ ... สั้นจริงๆ คือสองสามนาที แล้วให้ทุกคนยืนหันหลังเข้าหากระดานเวลาที่ทุกคนโหวต....<br /><br />...ผลการเลือกตั้ง... พี่ตุ่ม... ได้ตำแหน่งประธานไป...<br /><br />Subtitle นิดนึงครับ ... พี่ตุ่ม เป็นผู้ชาย ตัวเล็กๆ ผอมๆ ขาวๆ ตี๋ๆ ท่าทางใจดี ไม่สู้คน ไม่เอาเรื่องเอาราวกับใคร พูดเสียงเบาๆ... แต่ความรับผิดชอบในงานสูงมาก...<br /><br />ส่วนรองประธาน ได้แก่ พี่แจ๊ค ออกประมาณขาลุย ฮากระจาย สอนทุกครั้ง น้องเฮทุกรอบ แถมมีขอเพิ่มอีก ประมาณว่า ดูเดี่ยวไมโครโฟนฟรี... ประมาณนั้น<br /><br />สองคนนี้... ทำให้พี่เข้าใจถึงความหมายของคำว่า ทีมเวิร์ก.... ครับ...<br /><br />ตอนแรก... พี่ไม่เข้าใจว่าไอ้ตุ่มจะเป็นประธาน ยังไง หว่า... พูดยังไม่ค่อยจะทันใครเค้าเลย... คือไม่มีมาดประธานเลยอ่ะ เอาง่ายๆ<br /><br />มารู้ทีหลังว่า... พี่บิ๊ก ประธานคนก่อน เค้าก็ประมาณไอ้ตุ่มเหมือนกัน ... แต่หลังจากผ่านโครงการไปรอบนึง เค้าก็เปลี่ยนไป.... (พี่ตุ่มก็เหมือนกันครับ จบโครงการแล้วเค้าเปลี่ยนไปสุดๆ).... คืิอ วิชาการเปลี่ยนคนได้จริงๆ<br /><br />(นอกเรื่องนิด... เหมือนกับพี่ล้ง ประธานคนปัจจุบัน ที่พี่เห็นการเติบโตในตัวเค้าสูงมาก จากวันแรกๆ ของโครงการ จนวันสุดท้ายที่พี่ไปเจอ...)<br /><br />กลับมาเรื่องประธานต่อ... ในการประชุม พี่ตุ่มจะคอยคุมการประชุม (แบบเงียบๆ) โดยที่พี่แจ๊คเป็นกระบอกเสียงคอยออก Action ให้...<br /><br />ถ้าเป็นดนตรีก็คงแจมกันเข้าขาชะมัด.... ถ้าเป็นการจัดทััพก็คงบอกได้ว่า ช่างเพียบพร้อมทั้งบู๊และบุ๋นจริงๆ...<br /><br />มาดูสมาชิกคนอื่นๆ มั่ง... เดี๋ยวตอนหน้าพูดถึงแล้วจะไม่รู้จัก ^^<br /><br />ประธาน - พี่ตุ่ม<br />รองประธาน - พี่แจ๊ค<br />การสอน - พี่ กับ พี่เลอ (ปีนี้ การสอนถนัดเลขทั้งสองคนเลย แต่ไม่มีปัญหา เพราะทุกคนเทรนได้หมด)<br />ตำรา - พี่เต้ (ที่เกือบเสร็จพี่เพียวไปตอนร้อยเอ็ด)<br />พัสดุ - พี่แอ๊ค (จอมแร็พ ชอบแบกทรานซิสเตอร์เข้าไปตอนสอนน้องๆ)<br /><br />... นอกนั้น จำไม่ได้แล้วจ้า... มันปนๆ กัน ถ้าบังเิอิญมีรุ่นเดียวกันมาดู ช่วยตอบหน่อยนะ (-/|\-)Rapeepathttp://www.blogger.com/profile/18284684588248967802noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5840045292273587453.post-61347904236706240252007-05-08T04:17:00.000-07:002007-05-08T23:43:51.634-07:00ออนทัวร์ที่สิงห์บุรี (มีตอนเดียว)<span style="">หลังจากออนทัวร์ครั้งแรกที่ร้อยเอ็ดมาแล้ว... ความตั้งใจเดิมที่พี่จะไปสอนน้องๆ ต่างจังหวัดแบบ "ขำๆ" ก็เปลี่ยนไป<br /><br />โดยสิ้นเชิง ... เพราะรู้แล้วครับว่า<br /><br />...พี่ๆ วิชาการ... บ้า กว่าที่คิด :P แหะๆ....<br /><br />เปิดเทอมมา... ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง... พี่ก็จะแวะเวียนเข้าไปเดินเล่น ทักทาย พูดคุยกับพี่ๆ เพื่อนๆ ที่วิชาการบ่อยๆ<br /><br />เพราะรู้สึกว่าตัวเอง "ติด" แล้วล่ะ กับชีวิตแบบ ชุมนุมวิชาการ นี่ ... (อ้างไปงั้นแหละน้อง ความจริงไปนั่งอ่านการ์ตูน...<br /><br />ที่พี่แมวเอามาฝากเรื่อยๆ... อ้าว :P )<br /><br />มีอยู่วันนึง .... พี่เข้าไปนั่งเล่น อ่าน Friday ได้ซักพักนึง... ในห้องมีพี่อยู่คนเดียวครับ อีกแป๊บ พี่มิติ (อีกแล้ว) ก็เดินเข้ามา.... ทักทายกันสองสามคำ...<br /><br />น้องครับ... วันนั้นเป็นวันที่ทำให้ชีวิตในชุมนุมพี่เปลี่ยนไป... อีกวันนึง (มันมีหลายช็อตเหลือเกิน) :P<br /><br />เดาครับน้องๆ ... พี่มิติทำอะไร...<br /><br />ก. อ่านหนังสือเรียน<br />ข. อ่านนิยายกำลังภายใน<br />ค. เปิดคอมเล่นเกม<br />ง. เตรียมการสอน... ไปสอนพิเศษ<br /><br />คำตอบ... จ. ผิดทุกข้อคับ ... พี่มิติหยิบไม้กวาดที่พิงอยู่มุมห้องขึ้นมา แล้วเริ่มต้นกวาดพื้น....<br /><br />โอ้... ละอายครับน้องๆ ... พี่เค้าไม่บ่นหรือคิดว่าเป็นภาระ หรือใช้น้องเด็ก (ตอนนั้นยังเด็กเฟร้ย...) อย่างพี่ให้ทำ... แต่ทำเองทันทีด้วยความรู้สึกที่ว่า ห้องชุมนุม ก็เหมือนบ้าน... ที่ต้องดูแลความสะอาดทุกวันให้น่าอยู่.... พี่มิติไม่ได้พูดอะไรซักคำ... แต่พี่รุ้สึกเหมือนโดนด่าอย่างแรง ... ประมาณว่า ไอ้นี่... อยู่ว่างๆ ... แทนที่จะทำตัวให้มีประโยชน์...<br /><br />กลับนั่งอ่านการ์ตูน...<br /><br />วันนั้น พี่อึ้งครับ.. ทำอะไรไม่ถูก เลยปล่อยให้พี่มิติกวาดจนเสร็จ....<br /><br />แต่วันต่อๆ มา.... ถ้าพี่เห็นว่าควรกวาด... ก็จะไม่ลังเลที่จะหยิบไม้กวาดขึ้นมาทำความสะอาด....<br /><br />...เดี๋ยวพี่มิติมากวาดให้อีก แล้วพี่ก็ต้องนั่งด่าตัวเองอีก... กวาดให้เสร็จเองดีกว่า :D<br /><br /><br />ว่าจะเขียนเรื่องออนทัวร์ต่อ... กลายเป็นเรื่องห้องชุมนุมไปซะได้...<br /><br />ต่อดีกว่าครับ :P<br /><br />หลังจากนั้นอีกครึ่งปี... ปีทำงานปีนั้นเป็นปีที่พิเศษมาก คือ ไปออนทัวร์สองครั้งรวด (เพราะอะไรจำไม่ได้แล้วอ่ะ) คือปีนั้นจะไม่มีโครงการใหญ่...ออนทัวร์ครั้งที่สองของพี่คือไปที่สิงห์บุรี<br /><br />ปีนั้น... พี่ติดธุระอะไรไม่รู้เหมือนกัน เลยมีเวลาไปอยู่แค่สองสามวัน... บทที่สอนคราวนี้คือ จำนวนจริง<br /><br />จากคราวที่แล้วที่ได้สอน... พี่ก็เริ่มรู้ตัวว่า งานที่พี่ชอบ นอกจากการได้สอนน้องๆ แล้ว... เป็นคนเทรนก็สนุกดีไม่เลว...<br /><br />แล้วก็ได้ความไว้ใจจากพี่ๆ ... ให้เริ่มเทรนน้องๆ เลย น้องชุดแรกที่พี่ได้เทรนคือ พี่เอ กับพี่กิ ... พี่สองคนนี้เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนที่โคราช (เอ... รางๆ ว่าสองคนนี้เคยเป็นน้องโครงการด้วย) แล้วก็มาสอนครั้งแรกที่สิงห์บุรีเหมือนกัน<br /><br />การเทรนคนสอนเนี่ย เป็นศิลปะอย่างนึง... ร้อยคนก็สอนกันร้อยแบบ... บางทีเราไม่สามารถที่จะให้คนอื่นสอนได้<br /><br />ตามเราเป๊ะๆ ทุกครั้งหรอก แต่เราต้องคอยดู คอยเช็คในรายละเอียดที่จะทำให้เค้าพัฒนาขึ้นไปตามทางที่ควรจะเป็น<br /><br />การเทรนคนอื่น.. จะทำให้เราได้พัฒนาพื้นฐานการสอนของเราเองไปด้วยในตัว<br /><br />สมัยโน้น... พี่ๆ ให้เทรนการสอนกันเองซะมาก เพื่อนกันก็เทรนกันได้ หรือแม้แต่น้อง ก็เทรนพี่ได้... เพราะทุกคนต้องการการเตรียมตัว...<br /><br />เทรนพี่กิ.... ไม่มีปัญหา ซักชั่วโมงนึงก็เรียบร้อย (รู้สึกจะเป็น Matrix) กิไม่ค่อยใส่ลูกเล่นอะไรมากตอนเทรน แต่ค่อยๆ อธิบายไปช้าๆ เป็น step และเนื้อหาแน่น... พี่ก็โอเคแล้วในจุดนั้น<br /><br />มาถึงพี่เอบ้าง... โอ้ แม่เจ้า... น้องๆ ครับ... กรรมตามสนองพี่แล้ว สมัยก่อนพี่กวนพี่สิทธิ์ให้เทรนตั้งแต่สองทุ่มถึงตีสอง...คราวนี้ พี่เทรนพี่เอถึงตีสองแล้วยังไม่เสร็จเลย....<br /><br />"เดี๋ยวครับพี่.... ผมยังไม่มั่นใจเลย... ขออีกรอบนะครับ" ประโยคนี้หลอนพี่ไปทั้งคืน T_T (พรุ่งนี้ตรูต้องสอนนะเฟ้ย...ฮือๆๆๆ)<br /><br />ผลคือ พี่ได้เรื่องการเคลื่อนที่แบบต่างๆ มาแบบ แน่นปึ๊ก... แต่กว่าจะจบลงได้ก็เกือบตีสาม จากการที่พี่ไล่พี่เอไปนอนด้วยว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ (พี่)จะสอนไม่ไหว :P<br /><br />ที่ๆเราใช้เทรนการสอนกัน อยู่คนละตึกกับตีกพักนอนครับ... น้องๆ นึกภาพว่า สองตึก อยู่คนละฟากกับสนาม<br /><br />ฟุตบอลคอนกรีตเล็กๆ ... ที่มีฝูงหมารวมกลุ่มกันอยู่ซักสองฝูง ... ฝูงละราวๆ ยี่สิบกว่าตัวได้...<br /><br />โอ้แม่เจ้า.... มะหมายกพวกตีกันครับน้อง .... ซวยแล้วกรู.... ง่วงก็ง่วง... ฝืนเอากับพี่เอ ฉวยจังหวะที่มันยังเห่าขรมข่มขวัญกันอยู่ ถือไม้พลองคนละอันเดินผ่ากลางสองฝูงอย่างช้าๆ....<br /><br />วิชาพลองที่เคยเรียนมา... จะต้องเอามาใช้กับหมาวันนี้ละมั้ง...เกือบหัวใจวายตายเหมือนกัน... คือถ้ามันกรูเข้ามานี่ ตัวใครตัวมันละเอ... แต่สุดท้ายก็ผ่านมาถึงห้องจนได้.... มองลงไปข้างล่าง... มันเริ่มตีกันพอดี... รอดแล้วตรู....<br /><br />อีกเรื่องที่พอจำได้... คือตอนนั้น Harry Potter กำลังดัง พี่อ่านเล่มหนึ่งภาษาไทยจบแล้วเกิดอาการของขึ้น... เลยไปซื้อเล่ม สอง สาม ภาษาอังกฤษมา ด้วยความตั้งใจแรงกล้าว่าจะอ่านนิยายอังกฤษให้ได้ ^__^<br /><br />แล้วก็หยิบติดมือมาสิงห์บุรีด้วย... เผื่อว่าง....<br /><br />แล้วตอนว่างๆ...ก็ได้อ่าน..จริงๆ....<br /><br />...<br /><br />อ่านๆอยู่ดีๆ....<br /><br />"เฮ้ย..โบ๊ต... พี่ให้เอ็งยี่สิบแล้วเลิกอ่านซะทีเหอะวะ.... กรูรำคาญ" $%&&*!!@$#<br /><br />พี่เยียร์ครับ... โพล่งออกมาแบบทนไม่ไหวแล้วหลังจากเห็นพี่พยายามอ่านอยู่เกือบชั่วโมงแบบจิ้ม talking dict ทุกๆสิบวินาที :P<br /><br />สุดท้ายแล้ว... พี่ก็อ่านไปได้แค่ครึ่งเล่ม ... ภาษาไทยก็ออกมา เลยต้องกลับไปอ่านภาษาไทยเหมือนเดิม ^_^<br /><br />พอดีกว่าเนอะ.... เขียนต่อเดี๋ยวก็ไปได้เรื่อยอ่ะ.... หุๆๆๆ</span>Rapeepathttp://www.blogger.com/profile/18284684588248967802noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5840045292273587453.post-5836389964613735072007-05-08T04:14:00.000-07:002007-05-08T04:16:25.638-07:00ออนทัวร์ที่ร้อยเอ็ด (ตอนจบ)<span style="font-size:-1;">คืนนั้น... คืนแรก.... ที่พวกเราทุกคนนอนรวมกันหมดยี่สิบกว่าชีวิตต้องผลัดกันไปอาบน้ำ... น้องลองนึกภาพห้องอาบน้ำเป็นห้องเล็กๆ ใต้บันไดตึกเรียนนะครับ มีสองห้องถ้วน ... แล้วไอ้ตึกที่ รร.นี้ เป็นอะไรไม่รู้ตอนนั้น ไม่ค่อยจะยอมเปิดไฟกันเลย.... บรรยากาศก็วังเวง...วังเวง... (ถ้าหอนในบล็อกได้จะหอนเป็น soundtrack ประกอบละ)<br /><br />"ห้องน้ำว่างแล้วนี่... พี่ไปอาบน้ำละนะ" พี่ส้ม เห็นทุกคนอยู่ครบกันแล้ว ก็คว้าผ้าเช็ดตัว กะอุปกรณ์ต่างๆ ลงไป...<br /><br />ตามคำบอกเล่าของพี่ส้ม...<br /><br />"อ้าว...ปิดนี่"... พี่ส้มเห็นประตูล็อก... แต่ว่าไฟปิดอยู่...เลยพยายามที่จะเปิดประตู<br /><br />"ฮื่อ~~~~~" มีเสียงตอบออกมาจากในห้อง...<br /><br />พี่ส้มเป็นคนรักสงบ... จึงค่อยๆ ถอยออกไปเงียบๆ ขึ้นไปแอบๆ รวมกลุ่มกับทุกคนโดยไม่มีใครสังเกต ^^<br /><br />...<br />"เฮ่ย... ห้องน้ำว่างแล้วนี่หว่า..." คราวนี้เป็นพี่เยียร์ครับ ขอตัดตอนไปหน้าห้องน้ำเลยไม่ให้เสียเวลา...<br /><br />"ฮื่อ~~~~" มุกเดิม.... ซวยแล้วกู เฮียคิดในใจ... เอาวะ โดนผีหลอกซักทีจะเป็นอะไร ตายเป็นตาย ขอเห็นซักทีเถอะมรึง....<br /><br />ว่าแล้ว พี่เยียร์ก็โดดถีบประตูเต็มเหนี่ยว.... หลอกกรูช่ายม้าย..... เล่นเอาผีโวยวายเสียงลั่น....<br /><br />"เฮ้ย........ ไอ้ (เซ็นเซอร์) ... กรูเอง" จบข่าว... เป็นพี่วิชาการคนนึงครับ รู้ทีหลังว่า เค้าเป็นคนชอบอยู่ในที่มืดๆ ปลีกวิเวกอยู่คนเดียว เข้าห้องน้ำก็ไม่ยอมเปิดไฟ คาดเดาว่าจะแสวงหาความสงบเพื่อตัดกิเลสทั้งปวง - -<br /><br />.....<br /><br />การสอนสองวันแรกผ่านไปด้วยดีครับ... ด้วยการที่เตรียมตัวมาอย่างดี (มันจะไม่ดีได้ไงฟะ ... เทรนยังกะจะไปออกเดี่ยวไมโครโฟน) - -" แต่อยากจะบอกว่า ontour คราวนั้นเข้มข้นมาก... เพราะน้องๆ ขยันกันสุดๆ สอนถึงสี่โมงกว่าๆ แต่จะมีน้องๆ เปลี่ยนหน้ากันอยู่ให้สอนต่อถึงทุ่มสองทุ่มทุกวัน ถึงทุกวันนี้ พี่ก็ยังติดต่อน้องบางคนที่เคยสอนมาตอนนั้นอยู่เลย....<br /><br />สองวันแรกไม่มีปัญหา... วิบัติมันอยู่ตรงช่วงหลังจากนั้นน่ะสิครับ ด้วยความที่คนน้อย และมีปัญหาเรื่องผู้สอนชิ่ง... แถมโดนซ้ำเรื่องต้องสอนห้องสายศิลป์ด้วย ทำให้พี่ต้องเสียบแทนเจ้าของวิชา... แถมซ้ำร้าย ต้องสอนภาษาอังกฤษ !!! ประมาณว่าไม่ได้กระดิกอะไรเท่าไหร่เลย... คือไม่รู้จะสอนไงให้สนุกได้อ่ะ แต่ก็ต้องสอนครับ ... แต่จำได้ว่าสนุกมาก.... ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สอนเนื้อหาอะไรมากมายตรงประเด็นเหมือนสอนเลข... แต่ด้วยความที่น้องๆ เค้าขยันแล้วก็น่ารักกันทุกคน พี่เลยประคองๆ ตัวรอดมาได้....<br /><br />สี่วันแรกผ่านไป พี่บิ๊ก กะ พี่ภูมิ หนีกลับ กทม. ไปก่อนอีก - - แปลว่าเหลือกันอยู่ 6 คน กะน้อง 5 ห้อง.... กว่าจะผ่านไปแต่ละวัน... แทบสลบ เพราะสอนสามสี่คาบรวดแถมต้องสอนต่อพวกน้องปุ้ยถึงทุ่มสองทุ่มตอนเย็น (น้องปุ้ยอ่านอยู่รึเปล่าหว่า... ป่านนี้จบมหาลัยไปแล้วครับ น้องคนนี้)<br /><br />มีอยู่วันนึง... พี่อาจจะออก over acting ไปหน่อย คือแซวๆ ขำๆ กัน แล้วพี่ก็ทำท่าจะขว้างปากกาในมือใส่น้อง.. ปรากฏว่า.. หลุดมือครับท่านผู้ชม... ปากกาเขียนไวท์บอร์ดลอยเฉียดหน้าน้องคนนั้นไปฝ่ามือเดียว กระแทกประตูดังปัง....<br /><br />....เงียบกริบ....<br /><br />....<br /><br />..<br />.<br /><br />แง๊~~~~~~~ๆๆๆๆๆ<br /><br />ซวยแล้วกรู....<br /><br />.......<br /><br />ถึงเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ... แต่พี่ก็ยังคงประทับใจการสอนครั้งแรกของพี่ที่นี่มากๆ.... จริงๆ... จำได้ว่าตอนเดินทางกลับ พี่ พี่เพียว และพี่ภูมิ ได้รับ message ส่งจากน้องๆ มาเป็นระยะ ...ตลอดทาง คือตอนนั้นมือถือยังไม่บูมมากเหมือนเดี๋ยวนี้... คือมีเพจใช้ก็หรูแล้ว ...<br /><br />อ้อ... พูดถึง pager ... พี่ยังจำเบอร์ page ของพี่เพียวได้จนทุกวันนี้... ลองจินตนาการถึงเจ้าของเบอร์นี้นะครับ...<br /><br />"144 เรียก ทรายกับทะเล...นะคะน้องๆ"</span>Rapeepathttp://www.blogger.com/profile/18284684588248967802noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5840045292273587453.post-32327675540806931182007-05-08T04:12:00.000-07:002007-05-08T04:13:53.162-07:00ออนทัวร์ที่ร้อยเอ็ด (ตอนแรก)<span style="font-size:-1;">ครั้งนั้น... เป็นออนทัวร์ครั้งที่เดินทางไปไกล.. ที่สุดที่พี่เคยเห็น กว่าจะถึงร้อยเอ็ดต้องนั่งรถตู้ไปเกือบแปดชั่วโมง...<br /><br />ทั้งๆที่ปกติแล้ว ontour เนี่ย จะไปไม่ได้เกิน 300 กิโลจากกรุงเทพฯ ที่วิชาการของเราได้มีโอกาสไปไกลขนาดนั้นก็<br /><br />เพราะปีนั้นเราโชคดีได้ The Nation กับ มาม่า เป็นสปอนเซอร์ให้... ต้องกราบขอบพระคุณมา ณ ที่นี้...<br /><br />ช่วงเวลา Ontour จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ผลัด ผลัดละ 4 วัน โดยจะมีรถไปกลับทุกผลัด เพื่อให้พี่ๆ ไปกลับได้อย่าง<br /><br />สะดวก จำได้แม่นเลยว่าพี่ไปผลัดที่ 3 คือเค้าสอนกันไปแล้ว 2 ผลัดน่ะแหละ ผู้ร่วมทางของพี่วันนั้น เรียงตามอาวุโส<br /><br />แล้ว ได้แก่ พี่สิทธิ์ พี่ภูมิ พี่อั้ม เจ๊เพียว พี่ กับ ไอ้เต้ เพื่อนกลุ่มเดียวกันที่จับพลัดจับผลูไปผลัดเดียวกัน<br /><br />กว่าจะนั่งรถไปถึงร้อยเอ็ดก็เล่นเอาหลับแล้วหลับอีก....<br /><br />"ตายแล้ว... (ลองอ่านตาม แบบใส่เสียงสูงๆ แบบกระเทยโทน จะได้อารมณ์มาก ถ้ายังจินตนาการไม่ออกน้องๆ ลองนึกถึงเสียงพี่อั๋นดู ... รู้สึกว่าจะคล้ายๆ) ทำไมมันนานขนาดนี้.... ตื่นมากี่ทีๆ<br /><br />ก็มีแต่ควายๆๆ..." พี่เพียวจีบปากจีบคอบ่น... พอพี่แกเบื่อๆ ... ก็หันมาจีบพี่กะพี่เต้บ้าง... ไอ้เรามันเป็นรุ่นน้องก็ไม่รู้จะปัดรังควาน...เอ๊ย..จะปัดป้องยังไง เลยสวนพี่แกกลับไปดอกนึง....<br /><br />"ต๊าย...เจ๊ ... มายุ่งอะไรกะหนูฮะเนี่ย..." ??#?$#%@#@::;%%<br />"ต๊าย.... อีแร่ดดดดดดดดดดด พวกเดียวกันก็ไม่บอกนะมรึง....."<br /><br />ได้ผล... จากตอนนั้น เจ๊ไม่ยุ่งอะไรกะพี่อีกเลย เบนเป้าหมายไปหาพี่เต้คนเดียว (กรูขอโทษว่ะเพื่อน)<br /><br />แล้วเราก็มาถึงกันจนได้... ที่ รร. สตรีศึกษาร้อยเอ็ด ... ความประทับใจแรกที่พี่พบคือภาพน้องๆ กำลังเลิกเรียน แต่มี<br /><br />แค่ไม่กี่คนที่เดินกลับบ้าน นอกนั้นกำลังมะรุมมะตุ้มอยู่กับพี่ๆ ทีมสอน เพื่อซักถามในจุดที่ยังไม่เข้าใจ... จำได้ว่ามีพี่<br /><br />คนนึงพยายามอธิบายน้องด้วยสำเนียงอีสาน - -" (ขอโทษคับพี่ จำชื่อพี่มะได้แร้ว....)<br /><br />บรรยายไม่ถูกอ่ะ... จำได้แต่ว่า... สภาพมันวุ่นวายมากๆ พี่ๆ จากวิชาการนี่ยั้วเยี้ยไปหมด เพราะอยู่กันถึง 23 คน !!!! <br /><br />ไม่นับพวกเราที่มาใหม่ด้วยนะ<br /><br />จำได้ว่าอุ่นใจมากๆ.... ที่พวกเรามากันเยอะขนาดนั้น... ประมาณว่า เอาวะ พวกมากเข้าว่า อะไรแบบนั้น.... ห้องทำ<br /><br />งานของเราเป็นห้องพยาบาลข้างๆ ตึกเรียน ที่ถูกดัดแปลงไว้สำหรับอ่านหนังสือ เตรียมการสอน เย็บชีท โรเนียวไป<br /><br />จนถึงงานกรรมกรอย่าง ล้างแผ่นใส ล้างจาน.... รวมทั้งเอาไว้เล่นตุ่ยเล่นไพ่ตอนกลางคืน<br /><br />ที่ไหนได้.... เช้าวันต่อมา ทุกคนโบกมือลา ... บ๊ายบาย ... เหลือแต่พี่บิ๊ก ประธาน แล้วก็พี่เยียร์ รองประธาน... ไว้ให้<br /><br />โอ้แม่เจ้า.... เหลือกันแปดชีวิต... กะห้องที่ต้องสอนทั้งหมด 5 ห้อง ... คือมีน้องสายศิลป์ อีกห้องนึงเค้าอยากมา<br /><br />เรียนด้วย พวกเราก็เลยจัดให้....น้องๆ ลองคิดภาพกันดูครับว่าจะทุลักทุเลขนาดไหน ประมาณว่า พี่กะไอ้เต้ สอนครั้ง<br /><br />แรก ก็มีแววโดนยืนสอนทั้งวันกันแล้ว<br /><br />คืนนั้น... คืนแรก... พี่สิทธิ์เดินมาเรียกผมกะเต้ในห้องทำงาน<br /><br />"ไป โบ๊ต เต้"<br />"ไปไหนพี่"<br />"เทรน..." พี่แกตอบสั้นๆ<br /><br />เท้าความถึงพี่สิทธิ์หน่อยนึง... แกเป็นรุ่นพี่ตัวใหญ่จากภาคเครื่องกล หน้าตากร้านโลก ออกจะดุๆหน่อยในความคิดของพี่ตอนนั้น แต่พี่เค้าเป็นคนอารมณ์ดีตลอดเวลา คือยิ้มแย้ม หัวเราะได้ตลอดวัน แล้ว self จัด วันนึงแกใส่กางเกงขาก๊วยไปสอนน้องที่ร้อยเอ็ดนั่นแหละ... พอดีว่าน้องคนนึงออกจะฮาๆ แถมกล้าบ้าบิ่น ตะโกนแซวออกมา<br /><br />"พี่ๆ ... แต่งตัวแบบนี้จะไปงานไหนอ่ะ"<br />เรียกเสียงฮาได้รอบห้อง.... พี่สิทธิ์ยิ้มๆ แล้วตอบไปด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ<br /><br />"งานศพ พ่..... มรึงมั้ง..."<br />จบข่าว.... เสียงฮาดังลั่นยิ่งกว่าเดิม แต่ไอ้น้องนั่น จ๋อยสนิท คงเลิกยุ่งกะพี่สิทธิ์ไปอีกนาน<br /><br />คืนนั้น ผมกะไอ้เต้โดนเทรนซะงอม พี่สิทธ์จะเข้มงวดในเรื่องของเวลามาก เค้าสอนให้พี่แตกหัวข้อออกเป็นส่วนๆ แล้วกะเวลาให้ได้ว่าจะใช้แต่ละหัวข้อกี่นาที.... เกินไปแม้แต่นาทีเดียว... มรึงสอนใหม่อีกรอบ T_T<br /><br />พี่กะพี่เต้... เทรนตั้งแต่สองทุ่มยันตีสองครึ่ง... คืนนั้น เอาเป็นว่า พี่หลับตาเห็นโจทย์ทุกข้อเรื่องภาคตัดกรวยมาได้จนถึงทุกวันนี้<br /><br />แต่ก็เป็นคืนเดียวนะที่เครียดกัน... เพราะหลังจากคืนนั้น... พี่ก็ต้องมองภาพ "วิชาการ" ในมุมมองใหม่ๆ ... แต่เดิมที่คิดว่า มีแต่คนเครียดๆ ... เก่งๆ... ก็เริ่มเปลี่ยนไป....<br /><br />คือแต่ละคน...แมร่ง.... ตลกคาเฟ่กันทั้งนั้น T_T บ้าบอกันไปตามเรื่อง... ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาๆ... วีรกรรมที่พี่จำแม่นที่สุด... คือเรื่องพี่บิ๊ก... กับห้องนอน... เอ...<br /><br />คือห้องที่พวกเราใช้เป็นที่นอนกันนั้นเป็นห้องพระ... อยู่ชั้น 4 ของตึกเรียนนั่นแหละ ด้วยความที่เป็นห้องพระ เลยไม่มีประตู... อาจารย์ก็ใจดี๊...ใจดี ไปหามุ้งลวดมาติดให้.... พอรุ่งเช้า ... พิธีเปิดเวลา 8 โมง พี่บิ๊ก... ประธานของเรา รู้สึกตัวตื่นเอาตอน 7 โมง สี่สิบห้า ... ตาเหลือก<br /><br />"ship หาย แล้ว... !!!!!" เฮียตะโกนลั่น.. คว้าเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว พุ่งออกไปจากห้องแบบความเร็วแสง... แต่... แกลืมไปนิดว่าเค้าติดมุ้งลวดแล้ว...<br /><br />โครม..... เอวัง....<br /><br />ผลคือ... พวกพี่ต้องทนนอนตบยุงจนจบโครงการ เพราะกรอบมุ้งลวดไม่เหลือชิ้นดีเลย... ใช้สก็อตเทปแปะไงก็ไม่อยู่ T_T<br /><br />ยาวไปแล้วมั้งเนี่ย... ไว้ต่อภาคสองนะครับ</span>Rapeepathttp://www.blogger.com/profile/18284684588248967802noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5840045292273587453.post-15899695969956873302007-05-08T02:53:00.001-07:002007-05-08T03:52:45.682-07:00เทรนการสอนครั้งแรก<span style="">ตามนัด... พี่ไปพบกับพี่ๆ ทุกคนที่ห้อง 3202.. เพื่อเทรนการสอนครั้งแรก จำได้แม่นยำว่าตอนนั้นมีพี่เพียว กับพี่มิติ เป็นคนเทรนการสอนให้...<br /><br />การเทรนการสอน นอกจากจะเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการ presentation หน้าห้อง เทคนิคการพูด การใช้อุปกรณ์ต่างๆ แล้ว ยังเป็นโอกาสให้น้องๆ ที่เข้ารับการเทรนได้ฝึกฝนฝีมือ และรับรู้จุดบกพร่องของตัวเอง ด้วยการขึ้นไปสอนหน้ากระดาน หรือ overhead ทีละคน...<br /><br />แล้วพี่ๆ ที่เป็นคนเทรน ก็จะคอยช่วยฝึกฝน แนะนำ จุดที่บกพร่อง หรือควรปรับปรุงในการสอน เพื่อให้การสอนของพี่ๆ ทีมสอน มีคุณค่าแก่น้องๆ ที่มาเรียนมากที่สุด...<br /><br />แน่นอน... ถ้าไม่ผ่านการเทรน หรือเทสต์... พี่คนนั้น... จะไม่มีสิทธ์ขึ้นสอนน้องๆ ที่น่ารักทุกคน ด้วยกลัวว่า จะไปทำให้ความรู้อันอัดแน่นมากมายในสมองน้องๆ ปั่นป่วนไปกันใหญ่ ...<br /><br />จำไม่ได้แล้วว่าพี่ขึ้นไปเป็นคนที่เท่าไหร่... จำได้แต่ความรู้สึกก่อนก้าวขึ้นไปยืนหน้ากระดานว่า..มั่นใจเต็มที่ ....<br /><br />แต่พอไปยืนหน้ากระดานแล้ว... ถึงได้บอกกับตัวเองว่า รังสี... ความกดดัน... ของพี่สองคนนี้.. .มากมายจริงๆ ... พี่จะขอกล่าวถึงพี่สองคนนี้สั้นๆ เผื่อว่าน้องๆ ที่ไม่รู้จักจะได้เห็นภาพเดียวกันนะ (โดยมากรุ่นเก่าๆ จะรู้จักพี่สองคนนี้แน่นอน เพราะโด่งดังอย่างแรง)<br /><br />พี่เพียว... เป็นพี่...เอ่อ.. พี่... (ลังเลอยู่ว่า จะแนะนำว่าพี่ผู้ชายหรือผู้หญิงดี) เค้าชอบแนะนำว่าตัวเค้าเป็น Pure คือเป็น กระเทย แท้ๆ E 54 เป็นปีทำงานในปีนั้น รับหน้าที่การสอน พี่เพียวเป็นคนที่สอนเคมีเก่งสุดๆ คนนึงที่พี่เคยรู้จัก ถ้าจะให้เทียบระดับที่น้องๆ พอเห็นภาพก็จะเป็นว่า เจ๊แกสอนเก่งประมาณ อจ. อุ๊ แต่มีมุขแบบเดียวกับไปเรียน The Brain ... ประมาณนั้น... แต่บทจะเอาจริงเอาจังขึ้นมาก็ดุไม่หยอกเหมือนกัน<br /><br />พี่มิติ.. หรือพี่พี ขอแนะนำด้วยความเคารพครับ... พี่มิติ เป็นผู้สร้างการสอนในอุดมคติให้กับพี่... ด้วยการพัฒนาตัวเองต่อเนื่องตลอดเวลา... ทุกครั้งที่พี่เค้าสาธิตการสอน พี่มิติจะมีการอธิบายและวิเคราะห์การสอนของตัวเองให้ดูเป็นฉากๆว่า อะไรคือสิ่งที่ยังบกพร่องในการสอนของเค้าเมื่อกี้... และเอาไปพัฒนาตัวเองต่อไป.... (ต่อมาอีกสองสามปี พี่เคยเข้าเรียนกับพี่มิติหนนึง.. เชื่อมั้ยครับน้องๆ พี่ตระหนักรู้ได้ทันทีว่าทำไมพี่เค้าถึงเก่งไปทุกทาง... อย่างที่เห็น ... สมาธิเค้าแน่นมาก... สามชั่วโมง เค้าไม่เคยสติหลุดสักครั้ง...)<br /><br />หลังจากสลัดความตื่นเต้นออกไปในอึดใจ... พี่ก็เริ่มการสอน.... ยังคงมั่นใจอยู่ว่า การสอนของพี่... ก็โอเคนะ...<br /><br />เปล่า... ผลก็คือ โดนพี่เพียวฟันซะเละ ... ค่าที่ใช้กระดานปนไปปนมา กระโดดไปทางโน้นที่ทางนี้ที ... และพี่มิติก็ติงเรื่องการอธิบาย....<br /><br />"การสอนที่ดี คือการสอนที่อธิบายเรื่องยากๆ ให้เป็นเรื่องง่ายครับ เราต้องคิดตลอดเวลาว่า มีอะไรง่ายกว่านี้มั้ย... เข้าใจได้ชัดกว่านี้มั้ย... ไม่อย่างนั้น อาจจะมีน้องบางคนเข้าใจ... แล้วเราจะทิ้งที่เหลือไปเหรอ... เราต้องพยายามให้น้อง "ทุกคน" เข้าใจเรานะครับ ไม่ใช่บางคน"<br /><br />...<br />...<br /><br />ช่วงเวลานั้นเอง... ที่ทำให้พี่ได้รู้สึกตัวว่า... กะลาที่ครอบพี่อยู่นั้น ... แคบ... แค่ไหน...<br /><br />ตั้งแต่รู้ตัวว่าต้องสอน จนถึงวินาทีนั้น... พี่คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่ได้คิดถึงคนที่จะมาเรียนด้วยเลย...<br /><br />ขอบคุณพี่มิติ... กับพี่เพียวนะครับ... ที่ทำให้ผมรู้ และเข้าใจถึงสิ่งที่ควรจะเป็น... ตั้งแต่วันแรกที่ผมจับปากกาไวท์บอร์ด ....<br /><br />เข้าใจว่า... การสอนที่ดีที่สุด... ไม่ใช่การสอนจากคนที่เก่งที่สุด... ไม่ใช่มุขตลกเพียบตลอดคาบ... ไม่ใช่แม้แต่จังหวะจะโคน ไม่ใช่แม้แต่โจทย์พิสดาร...แต่...<br /><br />"การสอนที่ดีที่สุด... คือการให้สิ่งที่ดีที่สุด"<br /><br />รอต่อตอนหน้า... กับออนทัวร์ครั้งแรกที่ร้อยเอ็ด...ครับ...</span>Rapeepathttp://www.blogger.com/profile/18284684588248967802noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5840045292273587453.post-74330859563970339242007-05-08T02:15:00.000-07:002007-05-08T03:53:46.293-07:00เริ่มต้นกับวิชาการ<span style="">ขอแทนตัวเองว่าพี่... แล้วกันนะครับ ด้วยตั้งใจว่าจะเขียนให้น้องๆ อ่าน ประมาณคนแก่รำลึกถึงความหลัง...ซะมาก<br /><br />ถ้าจะให้ย้อนความกลับไปถึงสมัยตอนที่พี่เพิ่งจะเข้าปี1 ใหม่ๆ ... ตอนนั้นไฟแรงมาก... อยากจะเข้าชมรม ชุมนุม โน่น นี่ ... เต็มไปหมด รู้สึกว่า ชีวิตสี่ปีในมหาวิทยาลับเนี่ย... ไม่อยากจะให้มันมีแต่เรียน...เรียน เรียน... แล้วก็เรียน ได้ปริญญามาใบนึง... เหมือนที่ใครหลายๆ คนชอบพูดกัน...<br /><br />เสียดายเวลา... ว่างั้น...<br /><br />เข้าไปเยี่ยมชมรมคอมพิวเตอร์ อยู่ชมรมฟันดาบไทย แวะๆ เข้าไปนั่งวรรณศิลป์หนสองหน...<br /><br />แต่ชมรม ชุมนุมหนึ่ง... ที่พี่ตั้งปณิธานกับตัวเองไว้ว่า เป็นตายยังไงก็ไม่เข้า... ก็คือชุมนุมวิชาการ..<br /><br />โธ่... เรียนวิดวะเนี่ย เครียดจะแย่อยู่แล้ว จะให้เวลาว่างๆ ไปหมกตัวอยู่กับตำรับตำราอีก... มันท่าจะบ้า<br /><br />ปีหนึ่งเลยผ่านไป... โดยไม่ได้เฉียดเข้าใกล้กับวิชาการเลย กลางวันเรียน พักนั่งเล่นกีตาร์ เล่นเลี๊ยบตุ่ยอยู่ที่กลุ่ม หรือหนักๆ เข้า ก็โดดไปนั่งเล่นเกมที่ The World (ไม่รู้ตอนนี้มีอยู่ป่าว) ข้างเกษตร หรือจับพลัดจับผลูไปแทงสนุ๊กที่ Neo หน้าเกษตร ... ตกเย็นไปซ้อมฟันดาบ ไปตามเรื่อง...<br /><br />วันนึง ที่เพื่อนๆ มาอ่านหนังสือกันที่บ้านพี่ จำได้เลยว่ามาอ่าน Math2 ก่อนสอบ final อยู่ดีๆ ไอ้ตี๋ ก็โพล่งออกมา...<br /><br />"เฮ่ย... ไปเที่ยวร้อยเอ็ดกันป่าว ปิดเทอม"<br />"ทำไมต้องไปถึงร้อยเอ็ดวะ" ผมสงสัย<br />"ไปสอนน้องๆ ต่างจังหวัด... ไปสอน... แต่เที่ยวฟรีนะเว้ย" มันโฆษณา... หลังจากที่ถามไถ่เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า มีเพื่อนๆ ในกลุ่มไปค่อนข้างเยอะ ด้วยความที่อยากเที่ยว (อย่างเดียวจริงๆ) ก็เลยบอกมันว่าจะไปดูๆ ก่อน ที่... ชุมนุมวิชาการ<br /><br />สองสามวันต่อมา... ตอนนั้น ห้องชุมนุมเป็นห้องเก่าๆ โทรมๆ อยู่ข้างๆ กับสโมสรนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ พอพี่โผล่หน้าเข้าไป กะจะไปถามรายละเอียดหน่อย ประมาณว่า ไปกันยังไง สอนยังไง กินอยู่ยังไง ได้เที่ยวที่ไหนบ้าง เสียตังมั้ย....<br /><br />"ปีหนึ่งใช่มั้ยน้อง" ... เป็นคำทักทายแรก ที่จำไม่ได้แล้วว่าพี่คนไหนถาม...<br />"ชอบวิชาอะไร เลือกมาวิชานึง เลข เคมี ฟิสิกส์" พี่อีกคนยิงต่อเนื่อง ไม่ปล่อยให้พี่ตอบคำถามแรกด้วยซ้ำ<br />"เลขครับ" ... เป็นวิชาที่พี่มั่นใจ และสนุกด้วยมากที่สุดแล้วในสามวิชานั้น...<br />"ภาคตัดกรวยละกันนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเทรนการสอนตอนบ่ายโมง ที่ห้อง 3202 เตรียมมาสอนให้พวกพี่ๆ ดูซัก 15 นาที นะครับ ขอบคุณมาก" ...<br /><br />เฮ่ย....<br /><br />ถ้าพี่จำไม่ผิด น่าจะเป็นพี่เยียร์... (น้องๆ ที่รู้จักพี่เยียร์ น่าจะพอนึกภาพออกว่าทำไมพี่ถึงเป็นแบบนี้ )<br /><br />เดินออกจากห้องวิชาการ... ด้วยความที่ยังงงๆ .. อยู่ว่า ตกลงนี่กูรับเรื่องไปสอนแล้วเหรอวะ...<br /><br />แต่ก็... เอาน่ะ ลองสักตั้ง... ด้วยความมั่นใจในตัวเองพอประมาณอยู่ ทั้งเรื่องการสอน ที่ตอนนั้นคิดว่า ตัวเองก็ไม่น่าเป็นสองรองใคร ตอน ม.ปลาย ก็เป็นติวเตอร์ให้เพื่อนๆ เป็นประจำ ... แถมบท Conic Section นี่ก็บังเอิญเป็นบทในดวงใจซะด้วย...<br /><br />เอาน่า... ลองสักตั้ง ....</span>Rapeepathttp://www.blogger.com/profile/18284684588248967802noreply@blogger.com0