วันพุธที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

สอนด้วยกระดานหรือแผ่นใส...

วันนี้จะมาว่ากันเรื่อง... กระดานหรือแผ่นใสดี...

น้องๆ หลายคน เคยชินกับการเขียนกระดานสอนมากกว่า (พี่ด้วย) เพราะว่า การใช้กระดานนั้นสามารถควมคุมการสอนได้ง่ายกว่าการใช้แผ่นใส เยอะ...

พอพูดถึงการใช้แผ่นใส เราก็มักจะพาลคิดถึงคำว่า "ปิ้ง" แผ่นใส ก่อนอื่นเลย ประมาณว่า เอาแผ่นใสขึ้นมาพลิกๆ อธิบายให้นักเรียนดู ... ซึ่งตามสถิติแล้ว Probability ที่ นร.จะหลับคาแผ่นใส มากกว่าการสอนด้วยกระดานหลายช่วงตัว...

แต่ในบางกรณี เราก็หลีกเลี่ยงที่จะใช้แผ่นใสไม่ได้เช่นกัน ตัวอย่างง่ายๆ ก็โครงการใหญ่นี่แหละ สอนทีนึง 300 คน จะให้เขียนกระดานก็คงจะกระไรอยู่....

อย่ากระนั้นเลย... เรามาฝึกให้ชำนาญทั้งสองอย่างดีกว่า... จะได้ไม่เป็นปัญหา...

การสอนด้วยกระดาน

เริ่มจากกระดานก่อน... กระดาน มีข้อดีอันยิ่งใหญ่คือ น้องๆ สามารถตามเนื้อหาการเขียนของเราได้ไปพร้อมๆ กับที่เค้าไม่ต้องละความสนใจไปจากคนสอน... ด้วยเหตุนี้ ใช้กระดานเลยสามารถออก Acting ได้ง่าย แต่ข้อเสียใหญ่หลวงก็มีคือ สอนได้ช้า เพราะต้องเขียนใหม่หมดล้วนๆ ไม่เหมาะกับวิชาที่ต้องเขียนเนื้อหาเยอะๆ อย่างเช่น เคมี ชีวะ

หลักในการใช้กระดานใหญ่ๆ ก็มีดังต่อไปนี้...
  • จำใส่ใจไว้ว่า ให้ใ้ช้กระดานเสมือนหนึ่ง Lecture ของน้องๆ ... คือ น้องๆ สามารถจดตามได้เลยแบบ เป๊ะๆ จะดีมาก บางคนที่สอนแรกๆ (พี่ด้วย) มักจะใช้กระดานเป็นกระดาษทด ลบโน่น ลบนี่ โยงไปมามั่วไปหมด
  • เขียนจากบนลงล่าง ซ้ายไปขวา อย่าย้อนกลับ อย่ากระโดด อย่าลบไปลบมา(โดยไม่จำเป็น) ... เราสอนน้องๆ 300 คน อาจจะตามเราทันซักครึ่งนึง อีกครึ่งกะลัง งง ถ้าเราลบทิ้งโดดไปโดดมา เหมือนกับว่า ไม่ทิ้งแผนที่ไว้ให้อีกครึ่งนึงให้มีโอกาสตามเรามาทันเลย... เค้าจะหลุดไป และไม่เข้าใจในที่สุด
  • แบ่งกระดานเสมอๆ กันเนื้อหาปนกัน
  • เวลาเขียน "ห้าม" บังที่เขียนเด็ดขาด หันหลังเข้าหากระดาน พูดกับกระดานเมื่อไหร่ ความสนใจน้องๆ หายไปเมื่อนั้น
  • เขียนให้อ่านง่ายๆ ตัวใหญ่พอที่แถวหลังสุดจะเห็นได้ชัด ลายมือไม่สวยช่างมัน เราไม่ได้แข่งคัดลายมือ
  • ใช้สีสลับกันตามความหมายที่ต้องการจะสื่อ เช่น ปกติสีดำ วาดรูปสีน้ำเงิน โยง.เน้น สีแดง note สีเขียว เป็นต้น อย่าใช้สีเดียวกันทั้งกระดานนะ
นี่ว่ากันตามสมัยใหม่ คือใช้ Whiteboard ถ้าเป็นเมื่อก่อนใช้ชอล์ก ต้องมีวิธีการเขียนและเทคนิคการลบกระดานยังไงไม่ให้ชอล์กปลิวเข้าหน้าน้องๆ ด้วย

ว่ากันด้วยแผ่นใ่ส

การใช้แผ่นใส ยากกว่าการใช้กระดานพอสมควร สำหรับพี่นะ เพราะว่ามันดึงความสนใจน้องๆ ได้ยากกว่า แล้วก็การที่เราต้องยืนอยู่ที่เดิมตลอดเนี่ย มันดูน่าเบื่อเหมือนกัน ... แต่ก็ได้มาซึ่ีงความสะดวกง่ายดายในการ follow เนื้อหา และไม่เป็นอุปสรรคต่อขนาดตัวอักษร อย่าง ศร. 3 เนี่ย อย่าใช้กระดานเลยครับน้องๆ เขียน 2 บรรทัดก็เต็มแล้ว...

หลักการใช้แผ่นใสสอนก็มีดังต่อไปนี้
  • ก่อนเริ่มสอน หันหลังมองจอด้วย... ว่า ภาพโอเคหรือยัง มีอะไรตกขอบมั้ย
  • "อย่า" ปิ้งแผ่นใสโดยเด็ดขาด คือ เวลาเขียนแผ่นใสแล้ว จะเอาแผ่นใหม่เข้ามา อย่าดึงแผ่นเก่าออกทันที ให้ค่อยๆ เลื่อนแผ่นเก่าขึ้น เอาแผ่นใหม่ต่อท้าย แล้วจะดึงออก ให้ถามน้องๆ ทุกครั้งว่า เอาออกได้รึยัง
  • สอนกระดาน... อย่ามองกระดานเวลาพูด... ใช้แผ่นใส "อย่า" มองแผ่นใสมากนัก มองหน้าน้องๆ เป็นหลักเวลาพูด (สัญชาตญาณคนเราจะมองที่มือเวลาเขียนหนังสือ)
  • ระวังมุมการยืน การเขียน เงาของคนสอนอาจจะกำลังบังภาพบนจอก็ได้
  • ระวังอย่าให้แผ่นใสเลื่อน หรือเอียง
  • ใช้ปากกาหลากสีสัน เพื่อเน้นความสนใจ (บางคนหัวศิลป์ วาดรูปเตรียมไว้ก็โอเค)
  • เขียนหน้าไว้ที่แผ่นใสทุกครั้งให้เคยชิน เผื่อเวลากลับมาดูใหม่จะได้เรียงถูก
  • ล้างแผ่นใสด้วย เน้อ... อ้อ อย่าเปิดปากกาทิ้งไว้ล่ะ ปากกาที่โดนเปิดทิ้งไว้ข้าง overhead เนี่ย แห้งเร็วมาก
นอกจากนี้ เทคนิคการใช้แผ่นใสสอน มีทั้งหมด 3 แบบใหญ่ๆ ด้วยกัน ตามนี้

แบบแรก... ใช้แผ่นใสเหมือนกระดานเด๊ะ คือไม่เตรียมอะไรมาเลย เอาแผ่นใสเปล่าๆ มาโซโล่กันตอนสอน... อืม... ก็สะดวกดี

แบบที่สอง... เตรียมเนื้อหามาเรียบร้อย แล้วเว้นที่ไว้เป็นช่วงๆ ถึงเวลาสอนจริง ให้เอาแผ่นใสเปล่าอีกแผ่นมาซ้อน แล้วเขียนที่แผ่นบน พอไปห้องใหม่ ก็เอาแผ่นบนออก ... แบบนี้จะดูดีกว่า Follow เนื้อหาได้ง่าย ไม่หลุด script แต่จะลำบากเวลาซ้อนไปซ้อนมานิดนึง

แบบที่สาม... เตรียมเนื้อหามาเหมือนกัน แต่เขียนด้วย "Permanent" หรือไม่ก็ Xerox ใ่ส่ไปเลย (แต่ Xerox ใส่เนี่ย ลบไม่ได้นะ) คราวนี้เวลาสอนก็ใช้ปากกาธรรมดา พอสอนเสร็จก็ล้างน้ำ แล้วเอามาใช้ใหม่ พอสอนครบทุกคาบ ก็เอา Alcohol เช็ดออก

แล้วแต่ชอบ นะครับ ส่วนพี่ ชอบวิธีที่สองที่สุด คือ ขี้เกียจล้างระหว่างคาบ ว่างั้น...

วันพุธที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

หน้าที่ของ "การสอน"

มาต่อเรื่องการทำงานเตรียมโครงการใหญ่กัน...

วันนี้... จะขอเล่าให้ฟังในมุมมองของ "การสอน" ส่วนมุมมองอื่นๆ เดี๋ยวให้เจ้าของตำแหน่งเค้าเล่ากันเองละกัน

พอได้รับตำแหน่ง "การสอน" ปุ๊บ... ก็ต้องเริ่มงานทันที หน้าที่หลักๆ ของการสอนก็คือรับผิดชอบประสานงานทุกอย่างเกี่ยวกับการสอน ตั้งแต่จัดตารางเรียนตลอดโครงการ ระบุคนรับผิดชอบแต่ละวิชา รวมไปถึงการรักษามาตรฐานในการสอนของทุกคนในชุมนุม.... ซึ่งหัวใจของการรักษาคุณภาพการสอนก็คือการ "เทรนการสอน" นั่นเอง

เริ่มต้นเรื่อง... ก็ต้องร่วมมือทำงานกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ คือการออกตระเวนไปตามห้องเรียนต่างๆ (ปี 1) เพื่อโฆษณาหาน้องทีมงานใหม่ๆ มาเป็นกำลังในการสอน

ในขณะเดียวกัน ก็ต้องประสานงานกับฝ่ายตำรา คือพี่เต้ เพื่อจะทำหนังสือที่จะใช้สอนน้องๆ ในโครงการใหญ่... ต้องรีบทำแล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวไม่เสร็จ...

ตอนนั้น ยังไม่มีการจัดการไฟล์ที่ดีเท่าที่ควร ต้องพิมพ์ใหม่บ้าง เรียบเรียงใหม่บ้าง โดยให้คนที่สอนในแต่ละบทๆ รับผิดชอบกันไป... เรื่องไหนเป็นน้องเด็ก หรือยังหาคนสอนไม่ไ้ด้ ก็ต้องช่วยๆ กันทำไปก่อน... ตอนนั้นจำได้ว่าเรามี The Nation เป็น sponsor ให้ ... เรื่องค่าพิมพ์หนังสือเป็นอันหมดห่วง

แต่ก็ต้องไปตรวจ proof ถึง Nation.... นั่ง TAXI ไปกะพี่เต้สองคนจากเกษตรถึงบางนา อ่านกันเกือบตาย...

วิ่งเข้าวิ่งออกวิชาการเกือบทุกวัน เพราะงานนี้เกี่ยวข้องกับคน ซึ่งมีเรื่องให้ปวดหัวได้ตลอดเวลา... ซึ่งคนคอยแบ๊กอัพให้ก็ไม่พ้นพี่เพียวและพี่มิติ...

งานแรก พี่เพียวให้มาวางตารางการสอน ว่า วิชาไหนสอนตอนไหน... โดยไม่ได้ให้ตารางปีก่อนๆ มาดู... คือให้คิดเองว่างั้น... เงื่อนไขก็คือให้หนึ่งคนสอนจบในสองวัน...

วางกับพี่เลอสองคน... ตารางออกมาเรียบร้อย... โดนเจ๊เพียวอัดไปหนึ่งดอก ค่าที่ว่า มีบางคน(หลายคน) ต้องสอนแบบ ทั้งวัน คือ สามคาบติด แล้ว อีกวันนึงสอนคาบเดียว... ไม่ balance .... แล้วก็สำทับว่า การสอน... ต้องใส่ใจคนสอนให้มากที่สุด เพื่อที่ว่า ประสิทธิภาพการสอนจะได้ออกมาดีที่สุดเช่นกัน

ว่าแล้วก็จัดตารางซะใหม่... ให้แต่ละคนสอนวันละสองคาบ สองวัน สี่ห้อง... ลงตัวกันแบบพอดีๆ...

ถึงอย่างนั้น... ก็มีคนมาเปลี่ยนแปลง แก้ไข ขอย้าย ฯลฯ กันให้วุ่นไปหมดตลอดโครงการ ก็เป็นหน้าที่เราที่จะต้องประสานงาน... แก้ไขตารางกันให้ลงตัวแบบชิลๆ (แต่ไอ้คนแก้เนี่ย ไม่ชิลด้วยนา ... )

เพิ่งเจอปัญหาแบบนี้เป็นครั้งแรก... เพราะสองครั้งที่ผ่านมาเป็นออนทัวร์ ซึ่งยังไงก็ตามทุกคนต้องไปรวมตัวกันอยู่แล้ว จะหนีจะเบี้ยว ไม่ได้ทั้งนั้น (ยังกะสถานกักกัน)

อีกเรื่องหนึ่งที่พี่ต้องเรียนรู้อย่างแรง ก็คือ การสอนด้วย "แผ่นใส" ... ส่วนตัวแล้ว พี่ชอบสอนด้วยกระดานมากกว่า เพราะสามารถออก Acting ได้เต็มที่กว่า... ไม่น่าเบื่อ ยิ่งไปกว่านั้น น้องๆ สามารถที่จะมองสิ่งที่เราเขียนได้โดยที่ไม่ต้องละความสนใจไปจากคนสอน...

แต่ยังไงๆ ก็ต้องเปลี่ยนไปใช้แผ่นใสว่ะ นึกสภาพ ศร.3 แล้ว... มีน้องๆ นั่งอยู่เกือบสามร้อย ถ้าเขียนกระดาน คนนั่งแถวหลังคงต้องใช้กล้องส่องทางไกล... คือนึกถึงหัวอกตัวเองตอนนั่งเรียนแล้วก็ตัดสินใจได้ไม่ยาก

เอาวะ แผ่นใสก็แผ่นใส....

ตอนหน้า จะมาเล่าเรื่องพื้นฐานการสอน ทั้งกระดานและแผ่นใสให้ฟังกัน....

วันอังคารที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

เริ่มทำงานกันเป็นทีม...

หลังจากกลับมาจากสิงห์บุรี.... ก็ได้รู้มาว่า เพื่อนๆ ที่สอนต่อ (พี่กลับมาก่อน) เค้าได้กินปลาเผากันอิ่มหนำ อร่อยมากๆ T_T อยากร้องไห้.... อิจฉาหง่ะ

ด้วยว่า ชุมนุมวิชากาารของเราไม่มีเวลาว่างให้หายใจกันเลย... พอเปิดเทอมปุ๊บ ประชุมสรุปโครงการที่สิงห์บุรีกันจบ ... ก็ถึงเวลาของโครงการใหญ่ จำได้ว่าเป็น วิศวบริการ ครั้งที่ 12

โครงการใหญ่ อย่างที่รู้ๆ กันดี ก็คือ การจัดติวน้องๆ ม.ปลาย ที่เกษตร นี่แหละ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเอ็นทรานซ์ ที่ทีมทำงานปีก่อนไม่ได้จัดเพราะว่ากำลังเสียศูนย์อยู่กับการเปลี่ยนแปลงระบบเอ็นทรานซ์มาเป็นระบบใหม่ ที่มีการสอบสองรอบ เลยทำตัวไม่ถูกว่า จะติวน้อง ม.6 ยังไงดี

คราวนี้... คุยกันว่า จะเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายมาเป็น น้อง ม.5 ที่กำลังจะขึ้น ม.6 แทน... เรื่องทุกอย่างก็เลยไปได้สวย

วางเข็มทิศเรียบร้อย เหลือแต่ทีมงานใหม่ที่จะต้องถูกวางตัวขึ้นมารับหน้าที่นี้ ซึ่งจะต้องตกเป็นของปีสองที่กำลังเรียนเทอมสองอยู่ ก็ืคือรุ่นพี่น่ะเอง... ส่วนปีทำงานเดิม ก็เลื่อนขั้นเป็นที่ปรึกษา เป็นคนคอยแบ็กอัพในปัญหาต่างๆ ที่เหลือบ่ากว่าแรง

การฟอร์มทีม... เริ่มจากการเลือกประธาน แล้วก็รองประธานก่อน แล้วนอกนั้น ค่อยว่ากันทีหลัง เอาง่ายๆ แบบนี้แหละ... ด้วยเหตุผลที่ว่า การทำงานเป็นทีม คนที่จะมาร่วมงานกันนั้นต้องเข้าขากัน และเหมาะกับตำแหน่งที่ได้รับเืพื่อให้โครงการไปรอด

เวลาเลือกตั้ง... เค้าจะให้ผู้ที่ถูกเสนอชื่อออกมาหาเสียงสั้นๆ ... สั้นจริงๆ คือสองสามนาที แล้วให้ทุกคนยืนหันหลังเข้าหากระดานเวลาที่ทุกคนโหวต....

...ผลการเลือกตั้ง... พี่ตุ่ม... ได้ตำแหน่งประธานไป...

Subtitle นิดนึงครับ ... พี่ตุ่ม เป็นผู้ชาย ตัวเล็กๆ ผอมๆ ขาวๆ ตี๋ๆ ท่าทางใจดี ไม่สู้คน ไม่เอาเรื่องเอาราวกับใคร พูดเสียงเบาๆ... แต่ความรับผิดชอบในงานสูงมาก...

ส่วนรองประธาน ได้แก่ พี่แจ๊ค ออกประมาณขาลุย ฮากระจาย สอนทุกครั้ง น้องเฮทุกรอบ แถมมีขอเพิ่มอีก ประมาณว่า ดูเดี่ยวไมโครโฟนฟรี... ประมาณนั้น

สองคนนี้... ทำให้พี่เข้าใจถึงความหมายของคำว่า ทีมเวิร์ก.... ครับ...

ตอนแรก... พี่ไม่เข้าใจว่าไอ้ตุ่มจะเป็นประธาน ยังไง หว่า... พูดยังไม่ค่อยจะทันใครเค้าเลย... คือไม่มีมาดประธานเลยอ่ะ เอาง่ายๆ

มารู้ทีหลังว่า... พี่บิ๊ก ประธานคนก่อน เค้าก็ประมาณไอ้ตุ่มเหมือนกัน ... แต่หลังจากผ่านโครงการไปรอบนึง เค้าก็เปลี่ยนไป.... (พี่ตุ่มก็เหมือนกันครับ จบโครงการแล้วเค้าเปลี่ยนไปสุดๆ).... คืิอ วิชาการเปลี่ยนคนได้จริงๆ

(นอกเรื่องนิด... เหมือนกับพี่ล้ง ประธานคนปัจจุบัน ที่พี่เห็นการเติบโตในตัวเค้าสูงมาก จากวันแรกๆ ของโครงการ จนวันสุดท้ายที่พี่ไปเจอ...)

กลับมาเรื่องประธานต่อ... ในการประชุม พี่ตุ่มจะคอยคุมการประชุม (แบบเงียบๆ) โดยที่พี่แจ๊คเป็นกระบอกเสียงคอยออก Action ให้...

ถ้าเป็นดนตรีก็คงแจมกันเข้าขาชะมัด.... ถ้าเป็นการจัดทััพก็คงบอกได้ว่า ช่างเพียบพร้อมทั้งบู๊และบุ๋นจริงๆ...

มาดูสมาชิกคนอื่นๆ มั่ง... เดี๋ยวตอนหน้าพูดถึงแล้วจะไม่รู้จัก ^^

ประธาน - พี่ตุ่ม
รองประธาน - พี่แจ๊ค
การสอน - พี่ กับ พี่เลอ (ปีนี้ การสอนถนัดเลขทั้งสองคนเลย แต่ไม่มีปัญหา เพราะทุกคนเทรนได้หมด)
ตำรา - พี่เต้ (ที่เกือบเสร็จพี่เพียวไปตอนร้อยเอ็ด)
พัสดุ - พี่แอ๊ค (จอมแร็พ ชอบแบกทรานซิสเตอร์เข้าไปตอนสอนน้องๆ)

... นอกนั้น จำไม่ได้แล้วจ้า... มันปนๆ กัน ถ้าบังเิอิญมีรุ่นเดียวกันมาดู ช่วยตอบหน่อยนะ (-/|\-)

ออนทัวร์ที่สิงห์บุรี (มีตอนเดียว)

หลังจากออนทัวร์ครั้งแรกที่ร้อยเอ็ดมาแล้ว... ความตั้งใจเดิมที่พี่จะไปสอนน้องๆ ต่างจังหวัดแบบ "ขำๆ" ก็เปลี่ยนไป

โดยสิ้นเชิง ... เพราะรู้แล้วครับว่า

...พี่ๆ วิชาการ... บ้า กว่าที่คิด :P แหะๆ....

เปิดเทอมมา... ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง... พี่ก็จะแวะเวียนเข้าไปเดินเล่น ทักทาย พูดคุยกับพี่ๆ เพื่อนๆ ที่วิชาการบ่อยๆ

เพราะรู้สึกว่าตัวเอง "ติด" แล้วล่ะ กับชีวิตแบบ ชุมนุมวิชาการ นี่ ... (อ้างไปงั้นแหละน้อง ความจริงไปนั่งอ่านการ์ตูน...

ที่พี่แมวเอามาฝากเรื่อยๆ... อ้าว :P )

มีอยู่วันนึง .... พี่เข้าไปนั่งเล่น อ่าน Friday ได้ซักพักนึง... ในห้องมีพี่อยู่คนเดียวครับ อีกแป๊บ พี่มิติ (อีกแล้ว) ก็เดินเข้ามา.... ทักทายกันสองสามคำ...

น้องครับ... วันนั้นเป็นวันที่ทำให้ชีวิตในชุมนุมพี่เปลี่ยนไป... อีกวันนึง (มันมีหลายช็อตเหลือเกิน) :P

เดาครับน้องๆ ... พี่มิติทำอะไร...

ก. อ่านหนังสือเรียน
ข. อ่านนิยายกำลังภายใน
ค. เปิดคอมเล่นเกม
ง. เตรียมการสอน... ไปสอนพิเศษ

คำตอบ... จ. ผิดทุกข้อคับ ... พี่มิติหยิบไม้กวาดที่พิงอยู่มุมห้องขึ้นมา แล้วเริ่มต้นกวาดพื้น....

โอ้... ละอายครับน้องๆ ... พี่เค้าไม่บ่นหรือคิดว่าเป็นภาระ หรือใช้น้องเด็ก (ตอนนั้นยังเด็กเฟร้ย...) อย่างพี่ให้ทำ... แต่ทำเองทันทีด้วยความรู้สึกที่ว่า ห้องชุมนุม ก็เหมือนบ้าน... ที่ต้องดูแลความสะอาดทุกวันให้น่าอยู่.... พี่มิติไม่ได้พูดอะไรซักคำ... แต่พี่รุ้สึกเหมือนโดนด่าอย่างแรง ... ประมาณว่า ไอ้นี่... อยู่ว่างๆ ... แทนที่จะทำตัวให้มีประโยชน์...

กลับนั่งอ่านการ์ตูน...

วันนั้น พี่อึ้งครับ.. ทำอะไรไม่ถูก เลยปล่อยให้พี่มิติกวาดจนเสร็จ....

แต่วันต่อๆ มา.... ถ้าพี่เห็นว่าควรกวาด... ก็จะไม่ลังเลที่จะหยิบไม้กวาดขึ้นมาทำความสะอาด....

...เดี๋ยวพี่มิติมากวาดให้อีก แล้วพี่ก็ต้องนั่งด่าตัวเองอีก... กวาดให้เสร็จเองดีกว่า :D


ว่าจะเขียนเรื่องออนทัวร์ต่อ... กลายเป็นเรื่องห้องชุมนุมไปซะได้...

ต่อดีกว่าครับ :P

หลังจากนั้นอีกครึ่งปี... ปีทำงานปีนั้นเป็นปีที่พิเศษมาก คือ ไปออนทัวร์สองครั้งรวด (เพราะอะไรจำไม่ได้แล้วอ่ะ) คือปีนั้นจะไม่มีโครงการใหญ่...ออนทัวร์ครั้งที่สองของพี่คือไปที่สิงห์บุรี

ปีนั้น... พี่ติดธุระอะไรไม่รู้เหมือนกัน เลยมีเวลาไปอยู่แค่สองสามวัน... บทที่สอนคราวนี้คือ จำนวนจริง

จากคราวที่แล้วที่ได้สอน... พี่ก็เริ่มรู้ตัวว่า งานที่พี่ชอบ นอกจากการได้สอนน้องๆ แล้ว... เป็นคนเทรนก็สนุกดีไม่เลว...

แล้วก็ได้ความไว้ใจจากพี่ๆ ... ให้เริ่มเทรนน้องๆ เลย น้องชุดแรกที่พี่ได้เทรนคือ พี่เอ กับพี่กิ ... พี่สองคนนี้เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนที่โคราช (เอ... รางๆ ว่าสองคนนี้เคยเป็นน้องโครงการด้วย) แล้วก็มาสอนครั้งแรกที่สิงห์บุรีเหมือนกัน

การเทรนคนสอนเนี่ย เป็นศิลปะอย่างนึง... ร้อยคนก็สอนกันร้อยแบบ... บางทีเราไม่สามารถที่จะให้คนอื่นสอนได้

ตามเราเป๊ะๆ ทุกครั้งหรอก แต่เราต้องคอยดู คอยเช็คในรายละเอียดที่จะทำให้เค้าพัฒนาขึ้นไปตามทางที่ควรจะเป็น

การเทรนคนอื่น.. จะทำให้เราได้พัฒนาพื้นฐานการสอนของเราเองไปด้วยในตัว

สมัยโน้น... พี่ๆ ให้เทรนการสอนกันเองซะมาก เพื่อนกันก็เทรนกันได้ หรือแม้แต่น้อง ก็เทรนพี่ได้... เพราะทุกคนต้องการการเตรียมตัว...

เทรนพี่กิ.... ไม่มีปัญหา ซักชั่วโมงนึงก็เรียบร้อย (รู้สึกจะเป็น Matrix) กิไม่ค่อยใส่ลูกเล่นอะไรมากตอนเทรน แต่ค่อยๆ อธิบายไปช้าๆ เป็น step และเนื้อหาแน่น... พี่ก็โอเคแล้วในจุดนั้น

มาถึงพี่เอบ้าง... โอ้ แม่เจ้า... น้องๆ ครับ... กรรมตามสนองพี่แล้ว สมัยก่อนพี่กวนพี่สิทธิ์ให้เทรนตั้งแต่สองทุ่มถึงตีสอง...คราวนี้ พี่เทรนพี่เอถึงตีสองแล้วยังไม่เสร็จเลย....

"เดี๋ยวครับพี่.... ผมยังไม่มั่นใจเลย... ขออีกรอบนะครับ" ประโยคนี้หลอนพี่ไปทั้งคืน T_T (พรุ่งนี้ตรูต้องสอนนะเฟ้ย...ฮือๆๆๆ)

ผลคือ พี่ได้เรื่องการเคลื่อนที่แบบต่างๆ มาแบบ แน่นปึ๊ก... แต่กว่าจะจบลงได้ก็เกือบตีสาม จากการที่พี่ไล่พี่เอไปนอนด้วยว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ (พี่)จะสอนไม่ไหว :P

ที่ๆเราใช้เทรนการสอนกัน อยู่คนละตึกกับตีกพักนอนครับ... น้องๆ นึกภาพว่า สองตึก อยู่คนละฟากกับสนาม

ฟุตบอลคอนกรีตเล็กๆ ... ที่มีฝูงหมารวมกลุ่มกันอยู่ซักสองฝูง ... ฝูงละราวๆ ยี่สิบกว่าตัวได้...

โอ้แม่เจ้า.... มะหมายกพวกตีกันครับน้อง .... ซวยแล้วกรู.... ง่วงก็ง่วง... ฝืนเอากับพี่เอ ฉวยจังหวะที่มันยังเห่าขรมข่มขวัญกันอยู่ ถือไม้พลองคนละอันเดินผ่ากลางสองฝูงอย่างช้าๆ....

วิชาพลองที่เคยเรียนมา... จะต้องเอามาใช้กับหมาวันนี้ละมั้ง...เกือบหัวใจวายตายเหมือนกัน... คือถ้ามันกรูเข้ามานี่ ตัวใครตัวมันละเอ... แต่สุดท้ายก็ผ่านมาถึงห้องจนได้.... มองลงไปข้างล่าง... มันเริ่มตีกันพอดี... รอดแล้วตรู....

อีกเรื่องที่พอจำได้... คือตอนนั้น Harry Potter กำลังดัง พี่อ่านเล่มหนึ่งภาษาไทยจบแล้วเกิดอาการของขึ้น... เลยไปซื้อเล่ม สอง สาม ภาษาอังกฤษมา ด้วยความตั้งใจแรงกล้าว่าจะอ่านนิยายอังกฤษให้ได้ ^__^

แล้วก็หยิบติดมือมาสิงห์บุรีด้วย... เผื่อว่าง....

แล้วตอนว่างๆ...ก็ได้อ่าน..จริงๆ....

...

อ่านๆอยู่ดีๆ....

"เฮ้ย..โบ๊ต... พี่ให้เอ็งยี่สิบแล้วเลิกอ่านซะทีเหอะวะ.... กรูรำคาญ" $%&&*!!@$#

พี่เยียร์ครับ... โพล่งออกมาแบบทนไม่ไหวแล้วหลังจากเห็นพี่พยายามอ่านอยู่เกือบชั่วโมงแบบจิ้ม talking dict ทุกๆสิบวินาที :P

สุดท้ายแล้ว... พี่ก็อ่านไปได้แค่ครึ่งเล่ม ... ภาษาไทยก็ออกมา เลยต้องกลับไปอ่านภาษาไทยเหมือนเดิม ^_^

พอดีกว่าเนอะ.... เขียนต่อเดี๋ยวก็ไปได้เรื่อยอ่ะ.... หุๆๆๆ

ออนทัวร์ที่ร้อยเอ็ด (ตอนจบ)

คืนนั้น... คืนแรก.... ที่พวกเราทุกคนนอนรวมกันหมดยี่สิบกว่าชีวิตต้องผลัดกันไปอาบน้ำ... น้องลองนึกภาพห้องอาบน้ำเป็นห้องเล็กๆ ใต้บันไดตึกเรียนนะครับ มีสองห้องถ้วน ... แล้วไอ้ตึกที่ รร.นี้ เป็นอะไรไม่รู้ตอนนั้น ไม่ค่อยจะยอมเปิดไฟกันเลย.... บรรยากาศก็วังเวง...วังเวง... (ถ้าหอนในบล็อกได้จะหอนเป็น soundtrack ประกอบละ)

"ห้องน้ำว่างแล้วนี่... พี่ไปอาบน้ำละนะ" พี่ส้ม เห็นทุกคนอยู่ครบกันแล้ว ก็คว้าผ้าเช็ดตัว กะอุปกรณ์ต่างๆ ลงไป...

ตามคำบอกเล่าของพี่ส้ม...

"อ้าว...ปิดนี่"... พี่ส้มเห็นประตูล็อก... แต่ว่าไฟปิดอยู่...เลยพยายามที่จะเปิดประตู

"ฮื่อ~~~~~" มีเสียงตอบออกมาจากในห้อง...

พี่ส้มเป็นคนรักสงบ... จึงค่อยๆ ถอยออกไปเงียบๆ ขึ้นไปแอบๆ รวมกลุ่มกับทุกคนโดยไม่มีใครสังเกต ^^

...
"เฮ่ย... ห้องน้ำว่างแล้วนี่หว่า..." คราวนี้เป็นพี่เยียร์ครับ ขอตัดตอนไปหน้าห้องน้ำเลยไม่ให้เสียเวลา...

"ฮื่อ~~~~" มุกเดิม.... ซวยแล้วกู เฮียคิดในใจ... เอาวะ โดนผีหลอกซักทีจะเป็นอะไร ตายเป็นตาย ขอเห็นซักทีเถอะมรึง....

ว่าแล้ว พี่เยียร์ก็โดดถีบประตูเต็มเหนี่ยว.... หลอกกรูช่ายม้าย..... เล่นเอาผีโวยวายเสียงลั่น....

"เฮ้ย........ ไอ้ (เซ็นเซอร์) ... กรูเอง" จบข่าว... เป็นพี่วิชาการคนนึงครับ รู้ทีหลังว่า เค้าเป็นคนชอบอยู่ในที่มืดๆ ปลีกวิเวกอยู่คนเดียว เข้าห้องน้ำก็ไม่ยอมเปิดไฟ คาดเดาว่าจะแสวงหาความสงบเพื่อตัดกิเลสทั้งปวง - -

.....

การสอนสองวันแรกผ่านไปด้วยดีครับ... ด้วยการที่เตรียมตัวมาอย่างดี (มันจะไม่ดีได้ไงฟะ ... เทรนยังกะจะไปออกเดี่ยวไมโครโฟน) - -" แต่อยากจะบอกว่า ontour คราวนั้นเข้มข้นมาก... เพราะน้องๆ ขยันกันสุดๆ สอนถึงสี่โมงกว่าๆ แต่จะมีน้องๆ เปลี่ยนหน้ากันอยู่ให้สอนต่อถึงทุ่มสองทุ่มทุกวัน ถึงทุกวันนี้ พี่ก็ยังติดต่อน้องบางคนที่เคยสอนมาตอนนั้นอยู่เลย....

สองวันแรกไม่มีปัญหา... วิบัติมันอยู่ตรงช่วงหลังจากนั้นน่ะสิครับ ด้วยความที่คนน้อย และมีปัญหาเรื่องผู้สอนชิ่ง... แถมโดนซ้ำเรื่องต้องสอนห้องสายศิลป์ด้วย ทำให้พี่ต้องเสียบแทนเจ้าของวิชา... แถมซ้ำร้าย ต้องสอนภาษาอังกฤษ !!! ประมาณว่าไม่ได้กระดิกอะไรเท่าไหร่เลย... คือไม่รู้จะสอนไงให้สนุกได้อ่ะ แต่ก็ต้องสอนครับ ... แต่จำได้ว่าสนุกมาก.... ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สอนเนื้อหาอะไรมากมายตรงประเด็นเหมือนสอนเลข... แต่ด้วยความที่น้องๆ เค้าขยันแล้วก็น่ารักกันทุกคน พี่เลยประคองๆ ตัวรอดมาได้....

สี่วันแรกผ่านไป พี่บิ๊ก กะ พี่ภูมิ หนีกลับ กทม. ไปก่อนอีก - - แปลว่าเหลือกันอยู่ 6 คน กะน้อง 5 ห้อง.... กว่าจะผ่านไปแต่ละวัน... แทบสลบ เพราะสอนสามสี่คาบรวดแถมต้องสอนต่อพวกน้องปุ้ยถึงทุ่มสองทุ่มตอนเย็น (น้องปุ้ยอ่านอยู่รึเปล่าหว่า... ป่านนี้จบมหาลัยไปแล้วครับ น้องคนนี้)

มีอยู่วันนึง... พี่อาจจะออก over acting ไปหน่อย คือแซวๆ ขำๆ กัน แล้วพี่ก็ทำท่าจะขว้างปากกาในมือใส่น้อง.. ปรากฏว่า.. หลุดมือครับท่านผู้ชม... ปากกาเขียนไวท์บอร์ดลอยเฉียดหน้าน้องคนนั้นไปฝ่ามือเดียว กระแทกประตูดังปัง....

....เงียบกริบ....

....

..
.

แง๊~~~~~~~ๆๆๆๆๆ

ซวยแล้วกรู....

.......

ถึงเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ... แต่พี่ก็ยังคงประทับใจการสอนครั้งแรกของพี่ที่นี่มากๆ.... จริงๆ... จำได้ว่าตอนเดินทางกลับ พี่ พี่เพียว และพี่ภูมิ ได้รับ message ส่งจากน้องๆ มาเป็นระยะ ...ตลอดทาง คือตอนนั้นมือถือยังไม่บูมมากเหมือนเดี๋ยวนี้... คือมีเพจใช้ก็หรูแล้ว ...

อ้อ... พูดถึง pager ... พี่ยังจำเบอร์ page ของพี่เพียวได้จนทุกวันนี้... ลองจินตนาการถึงเจ้าของเบอร์นี้นะครับ...

"144 เรียก ทรายกับทะเล...นะคะน้องๆ"

ออนทัวร์ที่ร้อยเอ็ด (ตอนแรก)

ครั้งนั้น... เป็นออนทัวร์ครั้งที่เดินทางไปไกล.. ที่สุดที่พี่เคยเห็น กว่าจะถึงร้อยเอ็ดต้องนั่งรถตู้ไปเกือบแปดชั่วโมง...

ทั้งๆที่ปกติแล้ว ontour เนี่ย จะไปไม่ได้เกิน 300 กิโลจากกรุงเทพฯ ที่วิชาการของเราได้มีโอกาสไปไกลขนาดนั้นก็

เพราะปีนั้นเราโชคดีได้ The Nation กับ มาม่า เป็นสปอนเซอร์ให้... ต้องกราบขอบพระคุณมา ณ ที่นี้...

ช่วงเวลา Ontour จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ผลัด ผลัดละ 4 วัน โดยจะมีรถไปกลับทุกผลัด เพื่อให้พี่ๆ ไปกลับได้อย่าง

สะดวก จำได้แม่นเลยว่าพี่ไปผลัดที่ 3 คือเค้าสอนกันไปแล้ว 2 ผลัดน่ะแหละ ผู้ร่วมทางของพี่วันนั้น เรียงตามอาวุโส

แล้ว ได้แก่ พี่สิทธิ์ พี่ภูมิ พี่อั้ม เจ๊เพียว พี่ กับ ไอ้เต้ เพื่อนกลุ่มเดียวกันที่จับพลัดจับผลูไปผลัดเดียวกัน

กว่าจะนั่งรถไปถึงร้อยเอ็ดก็เล่นเอาหลับแล้วหลับอีก....

"ตายแล้ว... (ลองอ่านตาม แบบใส่เสียงสูงๆ แบบกระเทยโทน จะได้อารมณ์มาก ถ้ายังจินตนาการไม่ออกน้องๆ ลองนึกถึงเสียงพี่อั๋นดู ... รู้สึกว่าจะคล้ายๆ) ทำไมมันนานขนาดนี้.... ตื่นมากี่ทีๆ

ก็มีแต่ควายๆๆ..." พี่เพียวจีบปากจีบคอบ่น... พอพี่แกเบื่อๆ ... ก็หันมาจีบพี่กะพี่เต้บ้าง... ไอ้เรามันเป็นรุ่นน้องก็ไม่รู้จะปัดรังควาน...เอ๊ย..จะปัดป้องยังไง เลยสวนพี่แกกลับไปดอกนึง....

"ต๊าย...เจ๊ ... มายุ่งอะไรกะหนูฮะเนี่ย..." ??#?$#%@#@::;%%
"ต๊าย.... อีแร่ดดดดดดดดดดด พวกเดียวกันก็ไม่บอกนะมรึง....."

ได้ผล... จากตอนนั้น เจ๊ไม่ยุ่งอะไรกะพี่อีกเลย เบนเป้าหมายไปหาพี่เต้คนเดียว (กรูขอโทษว่ะเพื่อน)

แล้วเราก็มาถึงกันจนได้... ที่ รร. สตรีศึกษาร้อยเอ็ด ... ความประทับใจแรกที่พี่พบคือภาพน้องๆ กำลังเลิกเรียน แต่มี

แค่ไม่กี่คนที่เดินกลับบ้าน นอกนั้นกำลังมะรุมมะตุ้มอยู่กับพี่ๆ ทีมสอน เพื่อซักถามในจุดที่ยังไม่เข้าใจ... จำได้ว่ามีพี่

คนนึงพยายามอธิบายน้องด้วยสำเนียงอีสาน - -" (ขอโทษคับพี่ จำชื่อพี่มะได้แร้ว....)

บรรยายไม่ถูกอ่ะ... จำได้แต่ว่า... สภาพมันวุ่นวายมากๆ พี่ๆ จากวิชาการนี่ยั้วเยี้ยไปหมด เพราะอยู่กันถึง 23 คน !!!!

ไม่นับพวกเราที่มาใหม่ด้วยนะ

จำได้ว่าอุ่นใจมากๆ.... ที่พวกเรามากันเยอะขนาดนั้น... ประมาณว่า เอาวะ พวกมากเข้าว่า อะไรแบบนั้น.... ห้องทำ

งานของเราเป็นห้องพยาบาลข้างๆ ตึกเรียน ที่ถูกดัดแปลงไว้สำหรับอ่านหนังสือ เตรียมการสอน เย็บชีท โรเนียวไป

จนถึงงานกรรมกรอย่าง ล้างแผ่นใส ล้างจาน.... รวมทั้งเอาไว้เล่นตุ่ยเล่นไพ่ตอนกลางคืน

ที่ไหนได้.... เช้าวันต่อมา ทุกคนโบกมือลา ... บ๊ายบาย ... เหลือแต่พี่บิ๊ก ประธาน แล้วก็พี่เยียร์ รองประธาน... ไว้ให้

โอ้แม่เจ้า.... เหลือกันแปดชีวิต... กะห้องที่ต้องสอนทั้งหมด 5 ห้อง ... คือมีน้องสายศิลป์ อีกห้องนึงเค้าอยากมา

เรียนด้วย พวกเราก็เลยจัดให้....น้องๆ ลองคิดภาพกันดูครับว่าจะทุลักทุเลขนาดไหน ประมาณว่า พี่กะไอ้เต้ สอนครั้ง

แรก ก็มีแววโดนยืนสอนทั้งวันกันแล้ว

คืนนั้น... คืนแรก... พี่สิทธิ์เดินมาเรียกผมกะเต้ในห้องทำงาน

"ไป โบ๊ต เต้"
"ไปไหนพี่"
"เทรน..." พี่แกตอบสั้นๆ

เท้าความถึงพี่สิทธิ์หน่อยนึง... แกเป็นรุ่นพี่ตัวใหญ่จากภาคเครื่องกล หน้าตากร้านโลก ออกจะดุๆหน่อยในความคิดของพี่ตอนนั้น แต่พี่เค้าเป็นคนอารมณ์ดีตลอดเวลา คือยิ้มแย้ม หัวเราะได้ตลอดวัน แล้ว self จัด วันนึงแกใส่กางเกงขาก๊วยไปสอนน้องที่ร้อยเอ็ดนั่นแหละ... พอดีว่าน้องคนนึงออกจะฮาๆ แถมกล้าบ้าบิ่น ตะโกนแซวออกมา

"พี่ๆ ... แต่งตัวแบบนี้จะไปงานไหนอ่ะ"
เรียกเสียงฮาได้รอบห้อง.... พี่สิทธิ์ยิ้มๆ แล้วตอบไปด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

"งานศพ พ่..... มรึงมั้ง..."
จบข่าว.... เสียงฮาดังลั่นยิ่งกว่าเดิม แต่ไอ้น้องนั่น จ๋อยสนิท คงเลิกยุ่งกะพี่สิทธิ์ไปอีกนาน

คืนนั้น ผมกะไอ้เต้โดนเทรนซะงอม พี่สิทธ์จะเข้มงวดในเรื่องของเวลามาก เค้าสอนให้พี่แตกหัวข้อออกเป็นส่วนๆ แล้วกะเวลาให้ได้ว่าจะใช้แต่ละหัวข้อกี่นาที.... เกินไปแม้แต่นาทีเดียว... มรึงสอนใหม่อีกรอบ T_T

พี่กะพี่เต้... เทรนตั้งแต่สองทุ่มยันตีสองครึ่ง... คืนนั้น เอาเป็นว่า พี่หลับตาเห็นโจทย์ทุกข้อเรื่องภาคตัดกรวยมาได้จนถึงทุกวันนี้

แต่ก็เป็นคืนเดียวนะที่เครียดกัน... เพราะหลังจากคืนนั้น... พี่ก็ต้องมองภาพ "วิชาการ" ในมุมมองใหม่ๆ ... แต่เดิมที่คิดว่า มีแต่คนเครียดๆ ... เก่งๆ... ก็เริ่มเปลี่ยนไป....

คือแต่ละคน...แมร่ง.... ตลกคาเฟ่กันทั้งนั้น T_T บ้าบอกันไปตามเรื่อง... ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาๆ... วีรกรรมที่พี่จำแม่นที่สุด... คือเรื่องพี่บิ๊ก... กับห้องนอน... เอ...

คือห้องที่พวกเราใช้เป็นที่นอนกันนั้นเป็นห้องพระ... อยู่ชั้น 4 ของตึกเรียนนั่นแหละ ด้วยความที่เป็นห้องพระ เลยไม่มีประตู... อาจารย์ก็ใจดี๊...ใจดี ไปหามุ้งลวดมาติดให้.... พอรุ่งเช้า ... พิธีเปิดเวลา 8 โมง พี่บิ๊ก... ประธานของเรา รู้สึกตัวตื่นเอาตอน 7 โมง สี่สิบห้า ... ตาเหลือก

"ship หาย แล้ว... !!!!!" เฮียตะโกนลั่น.. คว้าเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว พุ่งออกไปจากห้องแบบความเร็วแสง... แต่... แกลืมไปนิดว่าเค้าติดมุ้งลวดแล้ว...

โครม..... เอวัง....

ผลคือ... พวกพี่ต้องทนนอนตบยุงจนจบโครงการ เพราะกรอบมุ้งลวดไม่เหลือชิ้นดีเลย... ใช้สก็อตเทปแปะไงก็ไม่อยู่ T_T

ยาวไปแล้วมั้งเนี่ย... ไว้ต่อภาคสองนะครับ

เทรนการสอนครั้งแรก

ตามนัด... พี่ไปพบกับพี่ๆ ทุกคนที่ห้อง 3202.. เพื่อเทรนการสอนครั้งแรก จำได้แม่นยำว่าตอนนั้นมีพี่เพียว กับพี่มิติ เป็นคนเทรนการสอนให้...

การเทรนการสอน นอกจากจะเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการ presentation หน้าห้อง เทคนิคการพูด การใช้อุปกรณ์ต่างๆ แล้ว ยังเป็นโอกาสให้น้องๆ ที่เข้ารับการเทรนได้ฝึกฝนฝีมือ และรับรู้จุดบกพร่องของตัวเอง ด้วยการขึ้นไปสอนหน้ากระดาน หรือ overhead ทีละคน...

แล้วพี่ๆ ที่เป็นคนเทรน ก็จะคอยช่วยฝึกฝน แนะนำ จุดที่บกพร่อง หรือควรปรับปรุงในการสอน เพื่อให้การสอนของพี่ๆ ทีมสอน มีคุณค่าแก่น้องๆ ที่มาเรียนมากที่สุด...

แน่นอน... ถ้าไม่ผ่านการเทรน หรือเทสต์... พี่คนนั้น... จะไม่มีสิทธ์ขึ้นสอนน้องๆ ที่น่ารักทุกคน ด้วยกลัวว่า จะไปทำให้ความรู้อันอัดแน่นมากมายในสมองน้องๆ ปั่นป่วนไปกันใหญ่ ...

จำไม่ได้แล้วว่าพี่ขึ้นไปเป็นคนที่เท่าไหร่... จำได้แต่ความรู้สึกก่อนก้าวขึ้นไปยืนหน้ากระดานว่า..มั่นใจเต็มที่ ....

แต่พอไปยืนหน้ากระดานแล้ว... ถึงได้บอกกับตัวเองว่า รังสี... ความกดดัน... ของพี่สองคนนี้.. .มากมายจริงๆ ... พี่จะขอกล่าวถึงพี่สองคนนี้สั้นๆ เผื่อว่าน้องๆ ที่ไม่รู้จักจะได้เห็นภาพเดียวกันนะ (โดยมากรุ่นเก่าๆ จะรู้จักพี่สองคนนี้แน่นอน เพราะโด่งดังอย่างแรง)

พี่เพียว... เป็นพี่...เอ่อ.. พี่... (ลังเลอยู่ว่า จะแนะนำว่าพี่ผู้ชายหรือผู้หญิงดี) เค้าชอบแนะนำว่าตัวเค้าเป็น Pure คือเป็น กระเทย แท้ๆ E 54 เป็นปีทำงานในปีนั้น รับหน้าที่การสอน พี่เพียวเป็นคนที่สอนเคมีเก่งสุดๆ คนนึงที่พี่เคยรู้จัก ถ้าจะให้เทียบระดับที่น้องๆ พอเห็นภาพก็จะเป็นว่า เจ๊แกสอนเก่งประมาณ อจ. อุ๊ แต่มีมุขแบบเดียวกับไปเรียน The Brain ... ประมาณนั้น... แต่บทจะเอาจริงเอาจังขึ้นมาก็ดุไม่หยอกเหมือนกัน

พี่มิติ.. หรือพี่พี ขอแนะนำด้วยความเคารพครับ... พี่มิติ เป็นผู้สร้างการสอนในอุดมคติให้กับพี่... ด้วยการพัฒนาตัวเองต่อเนื่องตลอดเวลา... ทุกครั้งที่พี่เค้าสาธิตการสอน พี่มิติจะมีการอธิบายและวิเคราะห์การสอนของตัวเองให้ดูเป็นฉากๆว่า อะไรคือสิ่งที่ยังบกพร่องในการสอนของเค้าเมื่อกี้... และเอาไปพัฒนาตัวเองต่อไป.... (ต่อมาอีกสองสามปี พี่เคยเข้าเรียนกับพี่มิติหนนึง.. เชื่อมั้ยครับน้องๆ พี่ตระหนักรู้ได้ทันทีว่าทำไมพี่เค้าถึงเก่งไปทุกทาง... อย่างที่เห็น ... สมาธิเค้าแน่นมาก... สามชั่วโมง เค้าไม่เคยสติหลุดสักครั้ง...)

หลังจากสลัดความตื่นเต้นออกไปในอึดใจ... พี่ก็เริ่มการสอน.... ยังคงมั่นใจอยู่ว่า การสอนของพี่... ก็โอเคนะ...

เปล่า... ผลก็คือ โดนพี่เพียวฟันซะเละ ... ค่าที่ใช้กระดานปนไปปนมา กระโดดไปทางโน้นที่ทางนี้ที ... และพี่มิติก็ติงเรื่องการอธิบาย....

"การสอนที่ดี คือการสอนที่อธิบายเรื่องยากๆ ให้เป็นเรื่องง่ายครับ เราต้องคิดตลอดเวลาว่า มีอะไรง่ายกว่านี้มั้ย... เข้าใจได้ชัดกว่านี้มั้ย... ไม่อย่างนั้น อาจจะมีน้องบางคนเข้าใจ... แล้วเราจะทิ้งที่เหลือไปเหรอ... เราต้องพยายามให้น้อง "ทุกคน" เข้าใจเรานะครับ ไม่ใช่บางคน"

...
...

ช่วงเวลานั้นเอง... ที่ทำให้พี่ได้รู้สึกตัวว่า... กะลาที่ครอบพี่อยู่นั้น ... แคบ... แค่ไหน...

ตั้งแต่รู้ตัวว่าต้องสอน จนถึงวินาทีนั้น... พี่คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่ได้คิดถึงคนที่จะมาเรียนด้วยเลย...

ขอบคุณพี่มิติ... กับพี่เพียวนะครับ... ที่ทำให้ผมรู้ และเข้าใจถึงสิ่งที่ควรจะเป็น... ตั้งแต่วันแรกที่ผมจับปากกาไวท์บอร์ด ....

เข้าใจว่า... การสอนที่ดีที่สุด... ไม่ใช่การสอนจากคนที่เก่งที่สุด... ไม่ใช่มุขตลกเพียบตลอดคาบ... ไม่ใช่แม้แต่จังหวะจะโคน ไม่ใช่แม้แต่โจทย์พิสดาร...แต่...

"การสอนที่ดีที่สุด... คือการให้สิ่งที่ดีที่สุด"

รอต่อตอนหน้า... กับออนทัวร์ครั้งแรกที่ร้อยเอ็ด...ครับ...

เริ่มต้นกับวิชาการ

ขอแทนตัวเองว่าพี่... แล้วกันนะครับ ด้วยตั้งใจว่าจะเขียนให้น้องๆ อ่าน ประมาณคนแก่รำลึกถึงความหลัง...ซะมาก

ถ้าจะให้ย้อนความกลับไปถึงสมัยตอนที่พี่เพิ่งจะเข้าปี1 ใหม่ๆ ... ตอนนั้นไฟแรงมาก... อยากจะเข้าชมรม ชุมนุม โน่น นี่ ... เต็มไปหมด รู้สึกว่า ชีวิตสี่ปีในมหาวิทยาลับเนี่ย... ไม่อยากจะให้มันมีแต่เรียน...เรียน เรียน... แล้วก็เรียน ได้ปริญญามาใบนึง... เหมือนที่ใครหลายๆ คนชอบพูดกัน...

เสียดายเวลา... ว่างั้น...

เข้าไปเยี่ยมชมรมคอมพิวเตอร์ อยู่ชมรมฟันดาบไทย แวะๆ เข้าไปนั่งวรรณศิลป์หนสองหน...

แต่ชมรม ชุมนุมหนึ่ง... ที่พี่ตั้งปณิธานกับตัวเองไว้ว่า เป็นตายยังไงก็ไม่เข้า... ก็คือชุมนุมวิชาการ..

โธ่... เรียนวิดวะเนี่ย เครียดจะแย่อยู่แล้ว จะให้เวลาว่างๆ ไปหมกตัวอยู่กับตำรับตำราอีก... มันท่าจะบ้า

ปีหนึ่งเลยผ่านไป... โดยไม่ได้เฉียดเข้าใกล้กับวิชาการเลย กลางวันเรียน พักนั่งเล่นกีตาร์ เล่นเลี๊ยบตุ่ยอยู่ที่กลุ่ม หรือหนักๆ เข้า ก็โดดไปนั่งเล่นเกมที่ The World (ไม่รู้ตอนนี้มีอยู่ป่าว) ข้างเกษตร หรือจับพลัดจับผลูไปแทงสนุ๊กที่ Neo หน้าเกษตร ... ตกเย็นไปซ้อมฟันดาบ ไปตามเรื่อง...

วันนึง ที่เพื่อนๆ มาอ่านหนังสือกันที่บ้านพี่ จำได้เลยว่ามาอ่าน Math2 ก่อนสอบ final อยู่ดีๆ ไอ้ตี๋ ก็โพล่งออกมา...

"เฮ่ย... ไปเที่ยวร้อยเอ็ดกันป่าว ปิดเทอม"
"ทำไมต้องไปถึงร้อยเอ็ดวะ" ผมสงสัย
"ไปสอนน้องๆ ต่างจังหวัด... ไปสอน... แต่เที่ยวฟรีนะเว้ย" มันโฆษณา... หลังจากที่ถามไถ่เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า มีเพื่อนๆ ในกลุ่มไปค่อนข้างเยอะ ด้วยความที่อยากเที่ยว (อย่างเดียวจริงๆ) ก็เลยบอกมันว่าจะไปดูๆ ก่อน ที่... ชุมนุมวิชาการ

สองสามวันต่อมา... ตอนนั้น ห้องชุมนุมเป็นห้องเก่าๆ โทรมๆ อยู่ข้างๆ กับสโมสรนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ พอพี่โผล่หน้าเข้าไป กะจะไปถามรายละเอียดหน่อย ประมาณว่า ไปกันยังไง สอนยังไง กินอยู่ยังไง ได้เที่ยวที่ไหนบ้าง เสียตังมั้ย....

"ปีหนึ่งใช่มั้ยน้อง" ... เป็นคำทักทายแรก ที่จำไม่ได้แล้วว่าพี่คนไหนถาม...
"ชอบวิชาอะไร เลือกมาวิชานึง เลข เคมี ฟิสิกส์" พี่อีกคนยิงต่อเนื่อง ไม่ปล่อยให้พี่ตอบคำถามแรกด้วยซ้ำ
"เลขครับ" ... เป็นวิชาที่พี่มั่นใจ และสนุกด้วยมากที่สุดแล้วในสามวิชานั้น...
"ภาคตัดกรวยละกันนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเทรนการสอนตอนบ่ายโมง ที่ห้อง 3202 เตรียมมาสอนให้พวกพี่ๆ ดูซัก 15 นาที นะครับ ขอบคุณมาก" ...

เฮ่ย....

ถ้าพี่จำไม่ผิด น่าจะเป็นพี่เยียร์... (น้องๆ ที่รู้จักพี่เยียร์ น่าจะพอนึกภาพออกว่าทำไมพี่ถึงเป็นแบบนี้ )

เดินออกจากห้องวิชาการ... ด้วยความที่ยังงงๆ .. อยู่ว่า ตกลงนี่กูรับเรื่องไปสอนแล้วเหรอวะ...

แต่ก็... เอาน่ะ ลองสักตั้ง... ด้วยความมั่นใจในตัวเองพอประมาณอยู่ ทั้งเรื่องการสอน ที่ตอนนั้นคิดว่า ตัวเองก็ไม่น่าเป็นสองรองใคร ตอน ม.ปลาย ก็เป็นติวเตอร์ให้เพื่อนๆ เป็นประจำ ... แถมบท Conic Section นี่ก็บังเอิญเป็นบทในดวงใจซะด้วย...

เอาน่า... ลองสักตั้ง ....